การที่มีคนเข้าชมเว็บไซต์น้อย หมายถึงโอกาสทางการขายที่ลดน้อยลงไปด้วย หากต้องการแข่งขันบนตลาดออนไลน์ให้ชนะและเติบโตได้ การสร้างเว็บไซต์ให้น่ามองเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ แต่ต้องรู้จักการทำ SEO กลยุทธ์ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกได้โดยไม่ต้องพึ่งโฆษณา
SEO คืออะไร?
การทำ SEO (Search Engine Optimization) คือการปรับเปลี่ยนและปรับปุรงเว็บไซต์ให้เข้ากับนโยบายการทำงานของระบบ Search Engine เช่น Google เมื่อทำได้ถูกต้อง เว็บไซต์จะค่อยๆ ไต่อันดับขึ้นไปอย่างเป็นธรรมชาติ จนสามารถติดหน้าแรกได้ในที่สุด ซึ่งหลังจากติดอันดับแล้ว ก็การันตีได้ถึงยอดคลิกเข้าชมเว็บไซต์ที่จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้คนที่เข้ามายังเว็บไซต์ผ่านวิธีการนี้ จะเรียกว่า “Organic Traffic” ต่างจาก “Paid Traffic” ที่ขึ้นหน้าแรกได้เพราะการยิงโฆษณา หรือที่คุ้นเคยกันดีในชื่อของ Google Ads
ทำ SEO แล้วดีต่อธุรกิจอย่างไร?
แน่นอนว่าการติดหน้าแรกของ Google ก็นับเป็นข้อดีข้อหนึ่งแล้ว แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมไม่ซื้อโฆษณาของ Google Ads ไปเลยล่ะ? เพราะสามารถทำให้ติดหน้าแรกได้เช่นกัน อีกทั้งใช้เวลาน้อยกว่าด้วย แล้วเหตุใดถึงยังควรทำ SEO?
ความจริงแล้วการทำ SEO เป็นสิ่งที่ดีต่อธุรกิจในระยะยาว แม้จะต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 3 – 4 เดือนถึงจะเห็นผลลัพธ์ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือพื้นที่โฆษณาที่จะอยู่บน Google นานกว่าการซื้อโฆษณา Google Ads ที่จะหายไปทันทีหลังหมดงบประมาณ นอกจากนี้ยังเสียงบประมาณน้อยกว่า และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นด้วย สรุปได้ว่าการทำ SEO จะช่วยสร้างรากฐานให้เว็บไซต์และธุรกิจของคุณได้ไปต่อในระยะยาวนั่นเอง
ธุรกิจแบบไหนที่ควรทำ SEO?
ในปัจจุบัน มีผู้บริโภคกว่า 90% ที่ทำการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและแบรนด์ต่างก่อนตัดสินใจซื้อ หมายความว่าหากธุรกิจของคุณไม่มีพื้นที่อยู่บนหน้าค้นหาของ Search Engine หรือบนโลกออนไลน์ ความน่าเชื่อถือและโอกาสทางการขายย่อมลดลง เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าธุรกิจ B2C และ B2B2C ต้องทำการตลาดออนไลน์อย่างหนักหน่วง เนื่องจากการแข่งขันที่สูง แต่สำหรับธุรกิจ B2B ที่อาศัย Connection และ Sale ในการซื้อขายมากกว่าอาจจะยังลังเลใจว่าการเข้ามาทำการตลาดออนไลน์จะคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่
ต้องบอกก่อนว่าการทำ SEO และการตลาดออนไลน์รูปแบบอื่นสามารถช่วยธุรกิจ B2B ได้แน่นอน เพราะธุรกิจของคุณจะเป็นที่รู้จักมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการโฆษณาที่เจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด และเพิ่มกลุ่มลูกค้าได้มากกว่าเดิม ดังนั้นธุรกิจทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น B2C, B2B2C และ B2B ที่ยังคงออฟไลน์อยู่ หรือออนไลน์แล้วแต่ยังโปรโมทไม่ถูกวิธี จึงควรรีบทำ SEO และการตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง ไม่อย่างนั้นอาจตามคู่แข่งไม่ทันและตกขบวนได้ เพราะทุกจังหวะเวลาที่ลูกค้ามองเห็นคุณ คือโอกาสทางการขายที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้
อยากทำ SEO แบบมืออาชีพต้องทำอย่างไร?
คุณสามารถจัดตั้งทีมเฉพาะทางเพื่อดูแลเรื่อง SEO และการตลาดออนไลน์ขึ้นมาหรืออีกวิธีหนึ่งที่ง่ายและรวดเร็วมากกว่า คือการจ้างเอเจนซีด้านการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing Agency) ให้เข้ามาช่วยวิเคราะห์และทำการตลาดให้กับธุรกิจของคุณโดยตรง หรือทำงานควบคู่กับทีมของคุณไปเลยก็ได้ โดยวิธีการทำ SEO ที่ดีที่สุดคือการวางแผนตั้งแต่ก่อนเริ่มทำเว็บไซต์ เพราะจะจัดการได้ง่ายกว่า หรือถ้าทำเว็บไซต์เสร็จไปแล้ว ก็สามารถแก้ไขให้ถูกหลัก SEO ได้ เพียงแต่อาจต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนมากขึ้น
หากคุณกำลังมองหาเอเจนซีด้านการตลาดดิจิทัลเพื่อสนับสนุนในการวิเคราะห์และทำการตลาดให้คุณบน Google และช่องทางอื่นๆ Relevant Audience เอเจนซีด้านการตลาดดิจิทัลมืออาชีพ และบริการ SEO ในกรุงเทพฯ พร้อมให้คำปรึกษาและให้บริการธุรกิจของคุณ
อ้างอิง