เมื่อปี 2023 Google ได้ประกาศเปลี่ยนตัวชี้วัดประสิทธิภาพเว็บไซต์หลัก (Core Web Vitals) จาก FID (First Input Delay) มาเป็น INP (Interaction to Next Paint) โดยมีเหตุผล คือ Google มองว่า FID ยังมีข้อจำกัด ยังไม่สามารถวัดความรวดเร็วในการตอบสนองของเว็บไซต์ต่อการโต้ตอบของผู้ใช้ได้ครบถ้วน ดังนั้นจึงเลือกใช้ INP มาเป็นตัวชี้วัดที่วัดของเว็บไซต์แทน โดย INP ถูกเริ่มใช้งานจริงใน Core Web Vitals ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 2024 เป็นต้นไป
ในบทความนี้ Relevant Audience จะพามาทำความรู้จักว่า INP คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร รวมถึงมีผลกระทบอย่างไรต่อการทำเว็บไซต์ และการทำ SEO
INP คืออะไร ทำงานอย่างไร?
Interaction to Next Paint หรือ INP คือ ชุดเมตริก Core web Vital ใหม่ที่ใช้วัดการตอบสนองของหน้าเว็บไซต์เมื่อมีการโต้ตอบ (Interaction) กับผู้ใช้งานว่ามีความรวดเร็วเพียงใด ซึ่งเมตริกนี้สามารถบ่งชี้ถึงประสบการณ์ของผู้ใช้งานด้านความเสถียรภาพของเว็บไซต์ว่ามีคุณภาพมากน้อยเพียงใดอีกด้วย
โดย INP จะวัดการตอบสนองต่อการโต้ตอบที่ผู้ใช้งานทำทั้งหมดบนเว็บไซต์ ต่างจาก FID ที่จะวัดจากการตอบสนองแรกของผู้ใช้งานแต่ละคน
INP วัดการตอบสนองจากอะไร?
INP จะวัดการตอบสนองของกิจกรรมที่ผู้ใช้งานกระทำดังนี้
- การคลิกเมาส์บน Interactive Element หรือองค์ประกอบบนเว็บไซต์ที่ผู้ใช้สามารถโต้ตอบได้ เช่น ปุ่ม ลิงก์ ช่องข้อความ และแถบเลื่อน เป็นต้น
- การแตะบนปุ่ม Interactive Element ผ่านจอ Touchscreen
- การกดปุ่มบนแป้นพิมพ์จริงหรือแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
อย่างไรก็ตาม การเลื่อนเมาส์ การเลื่อนหน้าจอขึ้นลง จะไม่ถูกนำไปคำนวณใน INP เนื่องจากไม่ถือว่าเป็นการโต้ตอบ แต่ในขณะเดียวกัน การเลื่อนหน้าเว็บด้วยคีย์บอร์ดผ่าน Space Bar, Page Up, หรือ Page Down อาจไปกระตุ้นกิจกรรมบนเว็บไซต์จนเกิดการนำไปคำนวณ INP ได้
INP วัดได้อย่างไร?
INP จะวัดระยะเวลาตอบสนองต่อการโต้ตอบกับผู้ใช้งาน 3 ช่วง ได้แก่
- Input Delay (ระยะเวลาในการป้อนข้อมูล): เป็นระยะเวลาที่รอให้ Background Task ทำงานให้เสร็จสิ้น
- Processing Time (ระยะเวลาในการประมวลผล): เป็นระยะที่ประมวลผลสั่งคำสั่ง JavaScript
- Presentation time (ระยะแสดงผลหรือการตอบโต้): เป็นระยะเวลาระหว่างที่การประมวลผลคำสั่งเสร็จสิ้นจนถึงการแสดงผลหรือการเปลี่ยนแปลงบนหน้าจอ
คะแนน INP เท่าไหร่ ถึงจะดี?
ในการวัดการตอบสนองของหน้าเว็บไซต์ต่อผู้ใช้งานว่าดีแค่ไหน จะใช้หน่วยวัดเป็น มิลลิวินาที หรือ millisecond (ms) โดยค่า INP แบ่งได้เป็น 3 ระดับ ได้แก่
- INP ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 200 ms หมายความว่าเว็บไซต์มีการตอบสนองที่รวดเร็วดี
- INP มากกว่า 200 ms แต่ไม่เกิน 500 ms หมายความว่าเว็บไซต์อาจมีความดีเลย์ไปบ้าง ควรได้รับการปรับปรุง
- INP มากกว่า 500 ms หมายความว่าเว็บไซต์มีการตอบสนองที่ไม่ดีมาก
INP ส่งผลต่อเว็บไซต์และการทำ SEO อย่างไร?
INP ซึ่งเป็นตัวชี้วัดใหม่นี้จะส่งผลต่อเว็บไซต์หลายด้าน ดังนี้
-
- ด้านประสบการณ์ของผู้ใช้ การตอบสนองของเว็บไซต์มีผลต่อความรู้สึกพึงพอใจต่อการใช้งานของผู้ใช้ ซึ่งในโลกของดิจิทัลมาร์เก็ตติง ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน หรือ UX ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
- อันดับในการค้นหา หากเว็บไซต์มีการตอบสนองที่ดีและผู้ใช้รู้สึกพึงพอใจ ก็สามารถช่วยดันอันดับการค้นหาของเว็บไซต์ให้สูงขึ้นได้
- Conversion Rate เนื่องจากหากเว็บไซต์มีการตอบสนองรวดเร็ว สร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้ ก็สามารถเพิ่มโอกาสของ Conversion หรือการทำกิจกรรมใดๆ ที่มีคุณค่าบนเว็บไซต์ เช่น สมัครสมาชิก กรอกอีเมล หรือซื้อสินค้า เป็นต้น
- Bounce Rate หาก INP ดี เว็บไซต์มีการตอบสนองที่รวดเร็ว จะลดอัตราการตีกลับ หรือ Bounce Rate ซึ่งหมายถึงการกดออกจากหน้าเว็บไซต์ โดยที่ไม่มีการทำกิจกรรมใดๆ บนเว็บไซต์
ส่วนในด้านของการทำ SEO ก็ควรมีการพัฒนาในกลยุทธ์ให้เท่าทันเมตริกนี้ เนื่องจาก INP มีผลต่อการอันดับการค้นหาของ Google หากเว็บไซต์มีการตอบสนองรวดเร็วย่อมสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้ผู้ใช้งาน ก็ทำให้อันดับการค้นหาสูงขึ้น ส่งผลดีต่อภาพรวมของการทำ SEO อย่างแน่นอน
กล่าวโดยสรุป INP คือ ตัวชี้วัดการตอบสนองของเว็บไซต์จากการโต้ตอบกับผู้ใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ซึ่งการทำความเข้าใจ INP จะช่วยในการพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากมีค่า INP ที่ไม่ดี คือ มากกว่า 200 ms ก็ควรทำการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ทำงานได้ลื่นไหล เพื่อสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้งาน โดยเมื่อมีค่า INP ที่ต่ำกว่า 200 ms ก็จะสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีต่อผู้ใช้ ส่งผลให้ผลอันดับการค้นหาดีขึ้น เพิ่มอัตราการทำกิจกรรมบนเว็บไซต์ และสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
บริการรับทำ SEO ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัท Digital Performance marketing Agency, SEO Agency และ Digital agency อย่างครบวงจร โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ บริการทำ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com