ในยุคแรกของ Digital Marketing ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำงานของอัลกอริทึมต่างๆ ค่อนข้างตรงไปตรงมา แค่เพียงใส่ Keyword ที่ต้องการ ตั้ง Budget จากนั้นก็ติดตามอัตราการคลิก (Click-Through Rate) แต่เมื่อแพลตฟอร์มโฆษณาพัฒนาขึ้น จนมีฟังก์ชัน Ad Tracking เราก็สามารถวัดค่า Conversion ได้จริง ทำให้เราปรับปรุงโฆษณา PPC (Pay-Per-Click) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มยอดขาย จำนวนการสมัครสมาชิก หรืออื่นๆ
Ad Tracking คืออะไร?
Ad Tracking หรือ Conversion Tracking พูดง่ายๆ คือ กระบวนการติดตามผลของโฆษณา ผ่านการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดผลและวิเคราะห์แคมเปญโฆษณานั้นๆ ว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน น่าดึงดูดและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายหรือไม่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อนำข้อมูลไปทำการ Optimize หรือปรับปรุงโฆษณาให้ดียิ่งกว่าเดิม
ทั้งนี้ Ad Tracking มีหลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น:
- การติดตามการแสดงผล (Impression Tracking) – วัดจำนวนครั้งที่โฆษณาถูกแสดงให้ผู้ใช้เห็น
- การติดตามคลิก (Click Tracking) – บันทึกจำนวนคลิกที่โฆษณาได้รับ
- การติดตามการแปลงเป็นลูกค้า (Conversion Tracking) – ติดตามว่าผู้ใช้ทำการซื้อสินค้าหรือดำเนินการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือไม่ หลังจากคลิกโฆษณา เช่น คลิกเพิ่มสินค้าใส่ตะกร้า หรือกดสั่งออเดอร์ เป็นต้น
- การติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ (User Behavior Tracking) – วิเคราะห์ว่าผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์อย่างไรหลังจากคลิกโฆษณา
- การติดตามแบบข้ามอุปกรณ์ (Cross-device Tracking) – ติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้ข้ามอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์
โดย Ad Tracking ใช้เทคโนโลยีหลายรูปแบบ เช่น Cookies, Pixels และ API เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้นักการตลาดสามารถวัดผลตอบแทนจากการลงทุนในโฆษณา (Return On Ivestment) และปรับปรุงกลยุทธ์การทำโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
ปัญหาความไม่แม่นยำของข้อมูลเกิดจากอะไร?
ปัจจุบัน แพลตฟอร์มโฆษณาได้พัฒนาไปอีกขั้น โดย Google Ads ก็ได้นำเสนอฟีเจอร์ Smart Bidding หรือแปลเป็นไทยคือ “การประมูลอัจฉริยะ” ที่ช่วยให้นักโฆษณาควบคุมการประมูลเพื่อสร้าง Conversion สูงสุด มูลค่าการแปลงเป็นลูกค้าสูงสุด หรือต้นทุนต่อการแปลงเป็นลูกค้าต่ำสุด อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้กลยุทธ์การประมูลเหล่านี้ ประสิทธิภาพของโฆษณาจะดีได้ก็ต่อเมื่อข้อมูลถูกต้องเท่านั้น หากใส่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเข้าไปในระบบ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะไม่แม่นยำตามไปด้วย
1. ความผิดพลาดของนักโฆษณา
ในการสร้างแคมเปญโฆษณาใดแคมเปญหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมเกิดข้อผิดพลาดในการใส่ข้อมูลได้ เช่น:
- ติดแท็ก URL ปลายทางไม่ถูกต้อง
- ไม่ติดแท็กติดตามในหน้าเว็บไซต์สำคัญ
- ตั้งค่า Conversion ในแคมเปญผิดไปจากเป้าหมายที่วางไว้
ตัวอย่างเช่น กรณีที่ลูกค้าใช้ทั้ง Google Pixel และ Event บน GA4 เพื่อติดตาม Conversion ใน Google Ads ทำให้การนับจำนวน Conversion และค่า Conversion เกิดซ้ำซ้อน ส่งผลให้ข้อมูลที่ได้มาผิดพลาดในที่สุด
2. ข้อจำกัดในการติดตามผลด้วย Cookie
เชื่อว่า การติดตามข้อมูลผ่าน Cookie เป็นวิธีที่นักการตลาดและหลายธุรกิจใช้กันมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม Cookie อาจมีข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน ได้แก่
- Cookie มีข้อจำกัดในการมองเห็นข้อมูล ทำให้การวัดผลอาจไม่ครอบคลุมทุกช่องทาง
- Cookie ไม่สามารถเห็นภาพรวมของ Customer Journey ผ่านหลายช่องทางได้
ตัวอย่างเช่น กรณีที่ลูกค้าคลิกโฆษณาบน Microsoft Ads แต่ไม่ได้ซื้อสินค้าทันที ต่อมาลูกค้าได้รับอีเมลโปรโมชันและจึงทำการซื้อ ในกรณีนี้ Microsoft Ads อาจบอกว่าการซื้อนี้มาจากแคมเปญโฆษณานั้น แต่ในความเป็นจริง แคมเปญดังกล่าวเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่ง Cookie ไม่สามารถเห็นข้อมูลการตัดสินใจจากอีเมลโปรโมชันได้
3. การยกเลิกการใช้งาน Third-Party Cookie
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ประกอบกับกฎข้อบังคับของ GDPR และ PDPA ในประเทศไทย ส่งผลให้ Third-Party Cookie กำลังถูกยกเลิก เนื่องด้วยเหตุผลความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ซึ่งมีผลกระทบต่อกระบวนการ Ad Tracking คือ
- Google กำลังดำเนินการยกเลิกการติดตามด้วย Third-Party Cookie เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายความเป็นส่วนตัวต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อวิธีการติดตามและวัดผลโฆษณาบน Google Ads ในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ นักการตลาดดิจิทัล จึงต้องพยายามมองหาวิธีทำ Ad Tracking ใหม่ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้มีข้อมูลที่ต่อเนื่องและแม่นยำ สำหรับการทำการตลาด
วิธีแก้ปัญหาความไม่แม่นยำของข้อมูล
พอรู้แล้วว่ากระบวนการ Ad Tracking อาจเกิดข้อผิดพลาดอย่างไรบ้าง แล้วจะมีวิธีใดที่ช่วยป้องกันหรือแก้ไขบ้าง? ทั้งนี้ ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า เครื่องมือ Ad Tracking แต่ละอย่าง มีวิธีแก้ไขข้อมูลที่ไม่แม่นยำต่างกันไป ฉะนั้นแล้ว นักการตลาด ควรที่จะศึกษาเครื่องมือของตนให้ดี พร้อมติดตามอัปเดตใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ทันการเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์มต่างๆ
ทั้งนี้ ขอแนะนำวิธีเบื้องต้นในการแก้ไข Data Inaccuracy จาก Ad Tracking ได้แก่:
1. ตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าโฆษณาสม่ำเสมอ
ควรทำการตรวจสอบโฆษณาเพื่อให้แน่ใจว่าการติดแท็กและการติดตาม Conversion ถูกต้อง ลองมองหาข้อผิดพลาดทั่วไปอย่างการนับซ้ำของ Conversion เป็นต้น
2. ใช้ Conversion API
แทนที่การใช้คุกกี้บุคคลที่สาม ให้เปลี่ยนไปใช้ Conversion API เนื่องจาก Conversion API จะส่งข้อมูลผู้ใช้โดยตรงจากเซิร์ฟเวอร์ของแพลตฟอร์ม โดยไม่ขึ้นอยู่กับเบราว์เซอร์ จึงไม่มีปัญหาเรื่องซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณาหรือคุกกี้ และทำให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำกว่า
3. ใช้แหล่งข้อมูลเดียว (Single Source of Truth)
ให้เลือกใช้ข้อมูลที่ได้มาจาก Ad Tracking แหล่งเดียว แทนการใช้หลายๆ เครื่องมือพร้อมๆ กัน เช่น เลือกใช้งาน GA4 เป็นหลัก สำหรับการรายงานผล ก็จะช่วยลดปัญหาการนับซ้ำของ Conversion ระหว่างช่องทางต่างๆ
ทำไม Ad Tracking ที่แม่นยำถึงสำคัญ?
ในฐานะนักการตลาดยุคดิจิทัล การทำ Ad Tracking นั้นมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องด้วย Data ของลูกค้าเป็นส่วนที่ช่วยให้เราตัดสินใจด้านต่างๆ เช่น
- ช่วยให้การตั้งค่า Bidding Strategy มีประสิทธิภาพ – เช่น การตั้งค่า Target ROAS (Return on Ad Spend) ที่ถูกต้องและเหมาะสม
- ป้องกันการใช้งบประมาณเกินความจำเป็น – ข้อมูลที่ผิดๆ อาจทำให้เราใช้งบประมาณกับแคมเปญโฆษณามากเกินไปโดยไม่จำเป็น
- การวัดผลที่แม่นยำ – แน่นอนว่าข้อมูลที่แม่นยำช่วยให้เข้าใจประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างถูกต้อง และสามารถปรับปรุงแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Ad Tracking ที่แม่นยำเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณา ในยุคที่การแข่งขันทางการตลาดดิจิทัลสูงขึ้นเรื่อยๆ การมีข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด และใช้งบประมาณโฆษณาได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
ในท้ายที่สุด Ad Tracking ไม่ใช่เพียงแค่การเก็บข้อมูล แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้า ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ และสร้างแคมเปญโฆษณาที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น การลงทุนในการพัฒนาระบบ Ad Tracking จึงนับเป็นการลงทุนในอนาคตของธุรกิจเลยก็ว่าได้ โดยการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Conversion API จะช่วยให้เราได้ข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้น ส่งผลให้การตัดสินใจและการปรับแต่งแคมเปญมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะทำโฆษณาบน Google Ads, Meta Ads หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ การให้ความสำคัญกับคุณภาพของข้อมูลจะช่วยให้ธุรกิจของเราได้เปรียบในการแข่งขันในโลกของ Digital Marketing
เกี่ยวกับ Relevant Audience
พวกเรา Relevant Audience คือ Digital Performance Marketing Agency ที่เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO และเป็นหนึ่งใน Digital Agency ที่มีบริการด้านการตลาดดิจิทัลครบวงจร เพื่อสนับสนุนธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเวลา สถานที่ และบนอุปกรณ์ที่เหมาะสม (Right Time, Right Place, Right Device)
บริการของเราครอบคลุมทั้งบริการทำ SEO, Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads ไปจนถึง Influencer Marketing และเรายังเป็น SEO Company ที่เป็น Google Partners อีกด้วย โดยทีมของเราล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมให้คำปรึกษาและค้นหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาทำการตลาดออนไลน์
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com