ใครที่มีประสบการณ์การทำงานในโลกของการตลาดออนไลน์ คงรู้ดีว่าปัจจุบันนี้ในแต่ละวันการแข่งขันมีแต่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด ธุรกิจระดับกลาง-ใหญ่ที่มีเงินทุนสำรองหมุนเวียนเพียงพอต่างก็พร้อมจ่ายเพื่อให้แคมเปญสามารถเข้าไปนั่งในใจลูกค้าให้ไวที่สุด หรือในกรณีการสร้างเว็บไซต์ตามแนวทาง SEO เพื่อให้ติดอันดับหน้าแรก ก็ต้องเลือกใช้คีย์เวิร์ดราคาสูงๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับให้มากขึ้น แน่นอนว่าทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจท้องถิ่นหรือนักการตลาดมือใหม่ต่างต้องงัดเอากลยุทธ์ที่ตัวเองมีมาใช้ให้มากเท่าที่จะมากได้แต่ก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ส่งผลทำให้หลายธุรกิจต้องตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในฐานะของนักการตลาดหรือผู้ประกอบการท้องถิ่นที่กำลังเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์เป็นของตนเอง และตั้งเป้าหมายอย่างแน่วแน่ที่จะทำให้เว็บไซต์มีอันดับ SEO ที่ดีขึ้นและติดหน้าแรกให้ไวที่สุด สิ่งสำคัญไม่ใช่การหน้ามืดตามัวใส่ทุกอย่างไปให้สุด แต่เป็นการรักษากรอบการทำงานให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยอาศัยเทคนิคแบบ “Less Is More” คือเลือกโฟกัสให้ถูกจุดก็จะช่วยให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพที่สูงได้เช่นกัน ดังนั้นในบทความนี้ Relevant Audience ขอพามาดู 5 เช็กลิสต์ที่นักการตลาดสาย Local SEO ควรให้ความสำคัญ การันตีเลยว่าใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาทีต่อสัปดาห์เท่านั้น ก็สามารถสู้กับเว็บไซต์ใหญ่ๆ ได้อย่างแน่นอน ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
Local SEO คืออะไร?
การทำ Local SEO (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่) ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของผู้ประกอบการธุรกิจท้องถิ่น ที่ต้องการทำการตลาดแบบโฟกัสเฉพาะพื้นที่ ด้วยการเลือก Keyword + พื้นที่ต่างๆ นับว่าเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นเล็กๆ สามารถสู้กับเว็บไซต์ใหญ่ๆ โดยหลักแนวคิดง่ายๆ คือไม่ต้องไปคิดว่าคนทั่วประเทศจะค้นหาร้านของเราเจอหรือไม่ แต่หากคนในพื้นที่ค้นหาแล้วเจอก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วนั่นเอง
5 จุดโฟกัสสำหรับการทำ Local SEO
1. ปรับปรุงโปรไฟล์ธุรกิจใน Google Business Profile
หนึ่งในกลไกที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำ Local SEO คือการอาศัยเครื่องมือฟรีอย่าง Google Business Profile ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุนร้านค้าหรือธุรกิจท้องถิ่นด้วยการเพิ่มข้อมูลโปรไฟล์ธุรกิจของร้านลงไปในฐานข้อมูลของ Google และจะช่วยให้การแสดงผลร้านค้าธุรกิจท้องถิ่นต่างๆ มีโอกาสถูกค้นหาได้ง่ายมากขึ้น
โดยส่วนมากแล้ว ผู้ประกอบการหรือนักการตลาดมือใหม่มักชอบตกม้าตายเรื่องง่ายๆ อย่างการเติมข้อมูลโปรไฟล์ธุรกิจให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นชื่อธุรกิจ คำอธิบายเกี่ยวกับธุรกิจ ที่อยู่ หมวดหมู่ของธุรกิจ ไปจนถึงพื้นที่ที่ร้านหรือธุรกิจให้บริการ
พูดง่ายๆ ว่าให้มอง Google Business Profile เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียประเภทหนึ่งอย่าง Facebook ที่เราก็ต้องมีการอัปเดตข้อมูลไปจนถึงการเพิ่มคอนเทนต์ต่างๆ อัปเดตข้อมูลใหม่ๆ เข้าไปตลอดเวลา (สามารถอ่านวิธีการอัปเดตโปรไฟล์ได้ที่นี่)
2. เติมรีวิวบน Google Business Profile
รีวิวหรือบทวิจารณ์ตามหน้าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเสมอไป (มารู้จักข้อดีของรีวิวออนไลน์เพิ่มเติม) โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยากให้การทำ Local SEO ประสบความสำเร็จยิ่งต้องอาศัยการรีวิวออนไลน์ ดังนั้นการหมั่นขอรีวิวที่ดีจากลูกค้าที่พึงพอใจในการใช้บริการหรือสินค้าจากธุรกิจ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างเป็นประจำ
แน่นอนว่าส่วนที่สำคัญที่สุดในการอาศัยเทคนิคนี้นั่นคือจะทำอย่างไรให้ลูกค้ามาช่วยเขียนรีวิวบนแพลตฟอร์ม Social Media และ Google Business Profile สำหรับเคล็ดลับคืออาจจะเป็นการใช้แคมเปญพิเศษเพื่อสร้างแรงจูงใจในการให้คะแนนหรือเขียนรีวิว เช่น โปรโมชันราคาสุดพิเศษ หรือของแถม Givt Voucher ต่างๆ เป็นต้น
3. อัปเดตคอนเทนต์ หรือสร้างบล็อกบนเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับท้องถิ่น
การยกระดับเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้มีความเหมาะสมกับท้องถิ่นมากขึ้น ก็จะเป็นการช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำ Local SEO ให้ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการเขียน Blog บนเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาแบบ Personalized Content ให้มากขึ้น เช่นการแยกทำคอนเทนต์ให้ตรงกับประเภทของลูกค้าในแต่ละพื้นที่นั้นๆ เช่นหากเปิดธุรกิจร้านกาแฟในจังหวัดเชียงใหม่ ก็อาจจะนำเสนอคอนเทนต์อย่างเทคนิคการขับรถขึ้นเขา แนะนำร้านกาแฟบนดอย เป็นต้น
รวมไปถึงการโปรโมทร้านให้เป็นที่รู้จักผ่านการใช้หน้าร้านเป็นพื้นที่จัดงานกิจกรรมต่างๆ หรือนำเสนอผ่านคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น วิดีโอคอนเทนต์บน YouTube หรือ TikTok เพื่อทำให้คนในพื้นที่หรือคนที่สนใจอยากเข้าร่วมได้รับรู้ว่าในพื้นที่แถบนี้มีร้านที่ขายสินค้าหรือบริการที่ตรงความต้องการอยู่ เป็นการสร้าง Brand Awareness ไปในตัว
4. สร้าง Backlink เพื่อเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์
ในการปรับปรุงเว็บไซต์ให้การทำ Local SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในวิธีสำคัญคือการปรับปรุง Off-Page อย่างการทำ Backlink เพราะยิ่งเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับคะแนน SEO ที่เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
นอกจากนี้ อีกเคล็ดลับในการสร้าง Backlink ให้กับเว็บไซต์คือการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับร้านค้าหรือธุรกิจอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียง ตัวอย่างเช่น หากเปิดร้านธุรกิจขายขนมเค้กแบบออนไลน์ หรือนำวางตามหน้าร้านคาเฟ่ต่างๆ ก็อาจลองให้ร้านคาเฟ่ที่นำขนมเค้กไปวางไว้ให้ร้านช่วยอ้างอิงลิงก์ของเว็บไซต์ก็ได้เช่นกัน
5. รู้จักสร้าง Local Citations
การสร้าง Local Citation อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการฝังโปรไฟล์ธุรกิจรวมถึงที่ตั้งจาก Google Business Profile ไปไว้บนเว็บไซต์อื่น ที่เป็นเว็บสารบัญหรือเว็บไดเรคทอรี่อื่นๆ ที่มีค่า DA หรือ PA สูงๆ เพราะจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณได้มากขึ้น แถมยังเป็นการอธิบายรายละเอียดพื้นฐานข้อมูลบริการอื่นๆ ให้แก่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้เข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจมากขึ้นอีกด้วย
ทิ้งท้าย
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงถึงเวลาที่นักการตลาดมือใหม่จะเลิกอ้างเรื่องเวลาไม่พอกันแล้วใช่ไหม เพียงแค่รู้จักใชกลยุทธ์ที่มีให้ถูกทางและโฟกัสการทำงานให้ถูกจุด รับรองว่าจะใช้เวลาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับ SEO ภายในเวลาไม่กี่เดือนอย่างแน่นอน
Source: SEJ
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com