ใครที่เป็นนักการตลาดคงคุ้นเคยกับเครื่องมือสุดฮิตอย่าง Looker Studio (ชื่อเดิม Data Studio) ที่จะช่วยให้ Data มากมายมหาศาลของคุณกลายเป็นเรื่องง่ายในทันทีที่ใช้งาน เพราะ Looker Studio เป็นแพลตฟอร์มที่มีหน้าที่ในการช่วยจัดการ ข้อมูลต่างๆ จาก Tools ต่างๆ ของนักการตลาด ไม่ว่าจะเป็น Google Search Console, Google Analytics, Google Ads, Google Sheet และอีกมากมาย เพื่อแปลงข้อมูลต่างๆ ให้ออกมาเป็นรีพอร์ทหรือแดชบอร์ดที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ จะให้แสดงเป็นกราฟ รูปภาพ แผนภูมิ
โดยในบทความนี้ Relevant Audience จะพานักการตลาดมือใหม่ที่อยากทำงานแบบสะดวกสบายมากขึ้น มาเริ่มต้นใช้ Looker Studio กันแบบมือโปร เริ่มกันตั้งแต่สร้างและปรับแต่งรีพอร์ทตามข้อมูลที่มี ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
Looker Studio แตกต่างจาก Data Studio (เดิม) อย่างไร?
ก่อนจะไปลงลึกถึงวิธีการใช้งาน มารู้กันก่อนว่า Looker Studio แตกต่างจาก Data Studio อย่างไร และมีฟีเจอร์อะไรที่เพิ่มเติมเข้ามาให้ผู้ใช้งานบ้าง ดังนี้
- Looker Studio จะมีสองเวอร์ชันคือ แบบใช้งานได้ฟรีและแบบโปรที่ต้องชำระค่าบริการ
- Looker Studio ใช้โมเดลการสร้างข้อมูลหรือ Modeling Method ที่เรียกว่า LookML โดยจะยืดหยุ่นในการสร้างแบบจำลองข้อมูลมากขึ้น
- Looker Studio สามารถทำงานร่วมกับ Google Sheet ได้แล้ว
- รองรับ Database มากกว่า 50+ SQLs (ข้อมูลดิบ) ทำให้ง่ายต่อการรวมข้อมูลจาก Data Sources ต่างๆ
ลงลึกการใช้งาน Looker Studio
Relevant Audience จะพามาลงลึกเคล็ดลับ 3 ประการบน Looker Studio ที่จะช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้นเป็นเท่าตัว ดังนี้
- การเลือกเทมเพลตหรือแดชบอร์ด
หลังจากที่ล็อกอิน Looker Studio แล้ว ก็สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ทันที โดย ขั้นตอนแรกที่ต้องทำคือการจัดการสร้าง Dashboard สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อนก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปเพราะ Looker Studio จะมีการรวบรวมแดชบอร์ดและเทมเพลตในแบบต่างๆ เพื่อเป็นตัวอย่างในการออกแบบ ทำให้ง่ายต่อมือใหม่ที่สามารถกดเลือกเพื่อดูเป็นไอเดีย หรือจะนำไปใช้งานต่อก็ได้
เคล็ดลับสำคัญในการสร้าง Dashboard คือการเลือกรูปแบบให้เหมาะสมกับข้อมูลที่ต้องการแสดง โดยส่วนใหญ่แล้วข้อมูลแผนภาพ Data visualization เหล่านี้มักจะมีหน้าที่ในการย่อยข้อมูลยากๆ ให้กลายเป็นภาพที่เข้าใจง่ายๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องอัดข้อมูลทุกอย่างมารวมกันในภาพๆ เดียว สร้างภาพรวมที่สามารถอธิบายรายละเอียดให้ครบถ้วนก็จะช่วยให้ Dashboard มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การเชื่อมต่อแหล่งข้อมูล
เมื่อเลือกเทมเพลต Dashboard ได้ตามต้องการแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูล โดยเริ่มจาก
- ใน Data Tab คลิก “Add Data Source” ที่มุมขวาด้านบน
- จากนั้นจะมีหน้าต่างแหล่งข้อมูลปรากฏขึ้น ให้เลือกประเภทแหล่งข้อมูลที่ต้องการ Import โดยสามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลจากเครื่องมืออื่นๆ ได้มากกว่า 24 รายการ เช่น Google Analytics, Google Ads, Google Sheet, BigQuery และอื่นๆ ในกรณีที่ไม่ได้เป็นเครื่องมือในเครือข่ายของกูเกิล Looker Studio สามารถเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้มากกว่า 650 รายการ เช่น Facebook, Instagram, Microsoft Ads, Position Tracking, SEOMonitor เป็นต้น
- ปรับแต่งรีพอร์ท
หลังจากที่เชื่อมต่อข้อมูล Data Sources ทั้งหมดแล้ว ก็ถึงเวลาปรับแต่งรีพอร์ทให้เหมาะสม อย่างแรกสำหรับการปรับแต่งรีพอร์ทคือ ไม่จำเป็นต้องแสดงเมตริกทุกตัวทั้งหมด เน้นเฉพาะที่สำคัญและจำเป็นเท่านั้น ให้เน้นเมตริกที่แสดงข้อมูลเชิงลึกที่เหมาะสมแทนที่จะใส่รวมๆ กันไปให้ดูเยอะ แต่ความจริงคือมีแต่น้ำไม่มีเนื้อ โดยอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือการเลือกรูปแบบกราฟให้เหมาะสมกับข้อมูลที่ต้องการแสดง เพราะจะช่วยให้รีพอร์ทสามารถสร้างความเข้าใจข้อมูลทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ เช่น
- Table Chart หรือ Heatmap เน้นการแสดงข้อมูลเป็นตัวเลขเกี่ยวกับค่ามาก ค่าน้อย ทำให้ได้ข้อมูลชัดเจน และรวดเร็วมากขึ้น
- Line Chart กราฟเส้นจะเหมาะกับการแสดงข้อมูลที่อิงกับวันและเวลา เช่น การเปรียบเทียบชุดข้อมูล
- Bar Chart แผนภูมิแท่งเป็นกราฟพื้นฐาน สามารถเลือกใช้แบบแนวตั้งหรือแนวนอนตามความเหมาะสมของข้อมูลที่มี
- Pie Chart กราฟแบบพาย เหมาะสำหรับชุดข้อมูลที่มากกว่า 3 ขึ้นไป จะเป็นการย่อยข้อมูลที่เยอะให้ดูง่ายมากขึ้น
- Scatter Chart เป็นกราฟเปรียบเทียบความสัมพันธ์ จะช่วยให้สามารถจัดกลุ่มข้อมูลได้ชัดเจนมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีกราฟแบบอื่นๆ อีกมากมาย สามารถเลือกปรับใช้ให้เหมาะสมกับข้อมูลที่มี
ทิ้งท้าย
หวังว่าการแนะนำจากเราจะช่วยให้มือใหม่รู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการสร้างรีพอร์ทที่มีประสิทธิภาพ รับรองว่าถ้าได้ลองใช้งาน Looker Studio แล้วจะพบว่ามันไม่ได้ดูใช้งานยากอย่างที่คิดแน่นอน ใครที่จำเป็นต้องแชร์ข้อมูลยากๆ ให้ทีมอื่น หรือจำเป็นต้องอธิบายลูกค้าฟัง เชื่อได้เลยว่าใช้แล้วชีวิตง่ายขึ้นแน่นอน
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com