ในปี 2023 นี้ต้องบอกว่าการทำการตลาดออนไลน์แบบ PPC (Pay Per Click) เริ่มมีบทบาทมากขึ้นสำหรับกลุ่มธุรกิจเล็กใหญ่ที่มีความสนใจในการสร้างแบรนด์บนโลกออนไลน์ และหนึ่งในช่องทางการตลาดสำหรับการทำ PPC ที่ได้รับความนิยมก็คงหนีไม่พ้น Google ที่มีแพลตฟอร์มอย่าง Google Ads คอยรองรับความต้องการของแบรนด์และนักการตลาดมาอย่างยาวนาน
นักการตลาดท่านใดที่คุ้นเคยกับการทำการตลาดแบบ PPC คงพอจะคุ้นกับแพลตฟอร์ม Google AdWords ที่ตอนหลังกูเกิลรีแบรนด์มาเป็น Google Ads ในภายหลัง โดยนักพัฒนาของกูเกิลเองก็มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญได้ดีมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในบทความนี้ Relevant Audience จะมาแนะนำเคล็ดลับการใช้งานฟีเจอร์เด็ดๆ บน Google Ads กัน รับรองเลยว่าเป็นเทคนิคง่ายๆ ที่บางคนอาจจะนึกไม่ถึง แต่การันตีเลยว่าทำตามแล้วผลลัพธ์ทางการตลาดที่ได้ดีขึ้นทันตาเห็นอย่างแน่นอน
1. ใช้งาน Local Campaign เพื่อติดตาม Conversion ให้ดียิ่งขึ้น
ในปี 2023 นี้ท่ามกลางโลกที่ขับเคลื่อนด้วยระบบดิจิทัล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งโลกจะมีแต่คนดิจิทัลไปทั้งหมด จากรายงานล่าสุดของกูเกิลระบุว่า ประมาณ 30% ของข้อความค้นหาบนมือถือ สอดคล้องกับธุรกิจท้องถิ่น เช่น การค้นหาร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า และ ในจำนวนนี้จะมี 75% ที่ตัดสินใจไปร้านจริงๆ ภายในวันถัดไป ดังนั้นแล้วในฐานะของนักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจที่มีหน้าร้าน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยการทำ Local Campaign เพิ่มเติมถ้าต้องการ Conversion ที่เพิ่มมากขึ้น เพราะแคมเปญรูปแบบนี้ได้ถูกออกแบบมาให้กับกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาร้านค้าของคุณ ทำให้เพียงแค่ใส่ข้อมูลไม่กี่อย่าง ก็สามารถเพิ่มจำนวนคนเข้าร้านค้า รวมไปถึงยอดขายได้แบบทวีคูณ ดังนั้นแล้วการสร้างแคมเปญโฆษณาด้วย Local Campaign เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ของ Google Ads ในปี 2023 ที่นักการตลาดไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด
2. ใช้ Smart Shopping Campaign
Google Smart Shopping Campaign เป็นระบบการลงโฆษณาด้วยระบบ AI ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถสร้างแคมเปญโฆษณาได้สะดวกสบายมากขึ้น และมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง Smart Bidding เลือกคีย์เวิร์ด เลือกพื้นที่ในการแสดงผลโฆษณา และเลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มที่จะเกิด Action จริงๆ
ที่สำคัญคือรูปแบบในการแสดงโฆษณายังสามารถทำงานร่วมกับแนวทางการทำ Remarketing ได้อีกด้วย โดยระบบจะบันทึกข้อมูลของลูกค้าบางคนที่อาจจะมีความสนใจในสินค้าหรือบริการ แต่ยังไม่ตัดสินใจสั่งซื้อในทันที จากนั้นก็จะนำข้อมูลที่บันทึกเอาไว้ไปเลือกแสดงโฆษณาในตำแหน่งและเวลาที่เหมาะสม เพื่อเป็นการช่วยตัดสินใจให้ลูกค้าอีกครั้ง
3. ใช้งาน Google Shopping
ถ้าใครยังจำกันได้ในปี 2017 คณะกรรมาธิการยุโรปมองว่า Google ผูกขาดการโปรโมตบริการช้อปปิ้งออนไลน์ในหน้าแสดงผลลัพธ์การค้นหาเป็นอันดับ 1 ทำให้ท้ายที่สุดกูเกิลต้องแพ้คดีไปในที่สุด
อย่างไรก็ตามสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการขายออนไลน์ การใช้ Google Shopping ช่วยโปรโมตสินค้าถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเพียงแค่ใส่ข้อมูลร้านค้าและสินค้า และให้อัลกอริทึมของกูเกิลจัดการในการแสดง และถ้าหากต้องการโปรโมตเพิ่มเติมก็สามารถตั้งค่าแคมเปญเพิ่มเติมแบบใส่เงินเพื่อให้สินค้าโดดเด่นมากกว่าเดิม และเพิ่มการเข้าถึงที่ดีขึ้นก็ได้
4.Gallery Ads และ Showcase Shopping Ads
มีงานศึกษาจาก Intent Lab Research พบว่า ประมาณ 85% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมดให้ความสำคัญกับข้อมูลที่นำเสนอเป็นภาพมากกว่าข้อความ และ 50% ของนักช็อปในกลุ่มของใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ไฟฟ้าจะต้องดูข้อมูลที่เป็นภาพก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้า แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคในตอนนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องของรูปภาพเป็นลำดับต้นๆ ก่อนที่จะทำการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ
สำหรับใน Google Ads เองก็มีฟีเจอร์ที่รองรับแคมเปญประเภทนี้ เช่น Gallery Ads ที่จะเป็นการสร้างแคมเปญโฆษณาโดยมี Headline เหมือนแคมเปญบน Google Ads ทั่วไปอื่นๆ แต่ที่พิเศษกว่าคือ จะสามารถโชว์รูปในลักษณะเลื่อนไปมาซ้ายขวาได้ สามารถเลือกรูปภาพได้สูงสุด 8 รูป ส่วน Showcase Shopping Ads ก็จะเป็นการสร้างแคมเปญโฆษณาที่จัดกลุ่มสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถช่วยให้ผู้บริโภคเทียบสินค้าหลากหลายรายการและเลือกดูกลุ่มสินค้าที่ตัวเองต้องการได้ง่ายมากขึ้น
ทิ้งท้าย
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า Google ยังคงมีบทบาทสำคัญในแง่ของการเป็นช่องทางการทำการตลาดออนไลน์สำหรับทุกกลุ่มธุรกิจไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตลาดแบบ PPC ที่นักการตลาดและแบรนด์สามารถใช้ Google เป็นช่องทางในการยกระดับธุรกิจผ่านแคมเปญต่างๆ ดังนั้นแล้วเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่โดนคู่แข่งนำหน้าในการแข่งขันตลอดปี 2023 นี้ อย่าลืมนำเคล็ดลับดีๆ ข้างต้นไปลองปรับใช้กันดู การันตีเลยว่าเห็นผลลัพธ์ดีๆ กลับมาอย่างแน่นอน
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com