ในปี 2023 น่าจะเป็นอีกหนึ่งปีทองของ LinkedIn แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสำหรับคนวัยทำงาน เพราะจะเห็นได้ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มมีการปรับตัวให้ดูน่าใช้งานมากขึ้น ปรับเปลี่ยนดีไซน์หลายๆ อย่างให้ดูทันสมัย หวังขยายฐานผู้ใช้งานให้กว้างขึ้น
โดยในบทความล่าสุดของ Tomher Cohen ซึ่งเป็น Chief Product Officer ของ LinkedIn ได้ออกมาเผยถึงการปรับปรุงและอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ในปี 2023 นี้ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานทั่วไป ครีเอเตอร์ ไปจนถึงแบรนด์และนักการตลาดที่ใช้งานแพลตฟอร์มได้รับประสบการณ์ที่ดีมากขึ้น รายละเอียดจะเป็นอย่างไร จะมีฟีเจอร์ไหนหรืออัปเดตอะไรที่น่าสนใจบ้าง มาดูไปพร้อมกันเลย
1. แชร์หน้าฟีด Newsletter ให้คนอื่นได้แล้ว
ฟีเจอร์ Newsletters เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ LinkedIn จริงๆ แล้วฟีเจอร์จดหมายข่าวเป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะ User ฝั่งต่างประเทศ เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการสรุปข่าวน่าสนใจ อยู่ในรูปงานเขียนสั้นๆ มีหัวข่าว ลิงก์ ภาพประกอบเล็กน้อย โดยใครที่ใช้งาน LinkedIn อยู่ก็คงจะพอคุ้นเคยกันบ้าง
ในการอัปเดตนี้จะเป็นการปรับตำแหน่งของฟีเจอร์ให้มาอยู่ในส่วนของหน้าโปรไฟล์พร้อมทั้งสามารถสร้างลิงก์สำหรับการกด Subscribe เพิ่มความสะดวกสบายให้กับการนำไปแชร์บนโซเชียลมีเดียอื่นๆ อีเมล หรือเว็บไซต์
2. เพิ่มการมองเห็น Newsletter ทั้งในและนอกแพลตฟอร์ม
ในอัปเดตนี้ LinkedIn มีความต้องการช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถเผยแพร่เนื้อหาคอนเทนต์ได้มากขึ้น ผ่านการเพิ่มการมองเห็นทั้งในและนอกแพลตฟอร์ม โดยการปรับปรุงอย่างแรกคือการปรับปรุงให้ฟีเจอร์ Newsletter สามารถค้นหาได้ง่ายมากขึ้นผ่านหน้าผลการค้นหา (Search Result)
สำหรับการปรับปรุงอีกอย่างหนึ่งคือ LinkedIn อนุญาตให้สามารถปรับแต่ง SEO Title และ SEO Description ได้แล้ว โดยจะเป็นวิธีการที่จะเกี่ยวข้องกับหลักการทำ SEO ที่จะเป็นการช่วยดันอันดับเว็บไซต์ให้ติดอันดับ ทำให้ผู้คนสามารถเห็นคอนเทนต์ต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น
วิธีการแก้ไขให้ไปที่ตัวบทความ คลิกที่ “Publish Menu” จากนั้นเลือก “Setting” เพื่อแก้ไขหัวข้อและคำอธิบายได้ทันที
3. เพิ่ม Engagement มากขึ้นด้วย Clickable Links
LinkedIn ต้องการช่วยให้ครีเอเตอร์และผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มมี Engagement ที่ดีขึ้น รวมทั้งยังตอบสนองให้กลุ่มนักการตลาดสามารถขยายฐานการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้น ด้วยการโพสต์รูปภาพหรือวิดีโอ พร้อมทั้งแนบ Clickable Link ที่เป็นลูกเล่นด้วยการใส่ลิงก์ที่ต้องการแนบไปด้วย และผู้ชมก็สามารถคลิกได้ คล้ายกับการใส่ลิงก์ใน Instagram Stories โดยคำแนะนำคือให้ทำการคัดลอกจาก URL โดยตรงดีกว่าการใส่เอง เพื่อกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด
4. เข้าถึงเครื่องมือ Analytics & Content Tools ง่ายขึ้น
ก่อนหน้านี้ LinkedIn ได้เปิดตัวเครื่องมือสำหรับการปรับปรุง Performance และ Creation และล่าสุดก็ได้มีการเปิดเผยว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์จะมีการเปิดตัวเครื่องมือสำหรับ Analytics Tools รูปแบบใหม่ที่จะช่วยให้นักการตลาดสามารถดูข้อมูล Insights เกี่ยวกับประสิทธิภาพต่างๆ ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการดูข้อมูลเชิงลึกของ Audience แบบละเอียด หรือข้อมูลการคลิกดูหน้าโปรไฟล์ เป็นต้น
5. ตั้งเวลาโพสต์บทความได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ LinkedIn ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Scheduled Post ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งเวลาการโพสต์ แต่ล่าสุด LinkedIn ได้เปิดตัวฟีเจอร์ที่เรียกว่า article Scheduling ที่จะให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งเวลาล่วงหน้าในการโพสต์คอนเทนต์ประเภทบทความและ Newsletters ได้เช่นเดียวกัน
ทิ้งท้าย
LinkedIn เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีจำนวนผู้ใช้งานติด Top 5 ในการจัดอันดับของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทุกๆ ปี นั่นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มนี้ในการใช้เป็นช่องทางการทำการตลาดออนไลน์ในปี 2023 ยิ่งไปกว่านั้นการที่แพลตฟอร์มมีการปรับตัวด้วยการอัปเดตฟีเจอร์มาอย่างต่อเนื่อง ก็ช่วยดึงฐานผู้ใช้งานหน้าใหม่ๆ ได้มากขึ้นอีกด้วย
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com