การตลาดดิจิตอล

แนะนำ 4 เครื่องมือใช้จัดการโซเชียลมีเดียที่ดีที่สุด ในปี 2022

May 25, 2022Published By: Relevant Audience
Results Image

ในวินาทีที่โลกก้าวเข้าสู่ปี 2022 คงจะปฏิเสธกันไม่ได้ว่าในการทำการตลาดออนไลน์แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่กลาย First-Priority ของนักการตลาดมือใหม่ เป็นผลให้นักการตลาดหลายคนต้องมองหาเครื่องมือที่จะมาช่วยบริหารจัดการโซเชียลมีเดียแบบบูรณาการ เพื่อให้สามารถจัดการแอคเคาท์ต่างๆ บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้แบบครบจบในที่เดียว เพราะอย่าลืมว่าการทำงานด้านการตลาด ”เวลาที่เสียไปในแต่ละวินาทีเท่ากับงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น” ฉะนั้นการมีตัวช่วยที่ดีย่อมสร้างโอกาสให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น

แต่ต้องยอมรับว่าในยุคที่เทคโนโลยีครองโลกนี้มีตัวเลือกมากมาย บางเครื่องมือปล่อยให้ผู้ใช้งานได้ฟรีแต่อาจมีฟังก์ชันที่ไม่ครบ ถ้าอยากได้แบบครบๆ ก็ต้องเสียเงินเพิ่มอีกเท่าตัว หรือบางตัวอาจมีราคากำหนดตั้งแต่แรกแต่ก็ดันมีฟีเจอร์ขาดๆ เกินๆ ในบทความนี้จะมาแนะนำ 4 เครื่องมือบริหารจัดการโซเชียลมีเดียที่มีทั้งฟรีและเสียเงินเพิ่ม ใครที่กำลังเล็งเครื่องมือตัวไหนอยู่ หรืออยากรู้ว่าอันไหนจะคุ้มค่าที่สุดในปี 2022 มาดูพร้อมกันเลย

1. Buffer

หากกำลังมองหาเครื่องมือที่จะมาช่วยบริหารจัดการแอคเคาท์โซเชียลมีเดียให้เป็นระบบมากขึ้น Buffer ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือลำดับต้นๆ ที่จะตอบโจทย์นี้ได้ ด้วยการทำงานเป็นระบบ สามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถรองรับแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter 
  • LinkedIn
  • Pinterest

แน่นอนว่าราคาเริ่มต้นของการใช้งาน Buffer มีให้เลือกทั้งแบบฟรีและเสียเงิน โดยแบบฟรีจะมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ดังนี้

  • Posting Schedules สามารถเตรียมโพสต์ไว้ก่อนที่จะถึงเวลาลงได้ โดยสามารถตั้งเวลาเอาไว้เพื่อแยกทีละโพสต์บนแต่ละแพลตฟอร์มได้เลย เป็นการประหยัดเวลาในการวางแผนจัดการโพสต์ เพื่อช่วยลดข้อผิดพลาดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
  • Google Analytics Campaign Tracking สามารถตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของแต่ละโพสต์ได้เพื่อนำไปวางแผนการตลาดออนไลน์ให้เหมาะสม
  • Start Page เป็นฟีเจอร์ล่าสุดที่จะสามารถให้นักการตลาดสร้าง “Landing Page” เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการโดยไม่จำเป็นต้องสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง โดยจะมีตัวเลือกต่างๆ ในการตกแต่งมาให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นสีธีม สีปุ่ม ฟอนต์ รับประกันว่าใช้งานง่ายและเป็นมิตรสำหรับมือใหม่

สำหรับตัวเลือกแบบชำระเงินจะมีให้เลือกด้วยกันอยู่ 2 แบบ คือ

  • Essentials ราคาอยู่ที่ 6$/เดือน สามารถตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้ถึง 2,000 โพสต์ต่อ 1 แพลตฟอร์ม สามารถปรับแต่งภาพหน้าปกวิดีโอได้ รวมถึงมีเครื่องมือในการวัดผลต่างๆ เพิ่มเติมเข้ามาอีกมากมาย
  • Essentials + Team ราคาอยู่ที่ 12$/เดือน สามารถเพิ่มสมาชิกในระบบได้ไม่จำกัด และยังสามารถ Export รายงานพร้อมโลโก้ สร้างหน้าปกรายงานอัตโนมัติ หรือการกำหนด Permission Level และระบบ Approval โพสต์ต่างๆ 

2. Friends+Me

หลายคนอาจจะไม่คุ้นกับเครื่องมือที่ชื่อว่า Friend+Me นี้ แต่รับประกันได้เลยว่า Friends+Me  เป็นเครื่องมือที่ใช้เวลาไม่นานก็เข้าใจ ใช้งานง่าย ตอบโจทย์มือใหม่ที่กำลังมองหาเครื่องมือบริหารจัดการโซเชียลมีเดียแบบเรียบง่าย ใช้งานไม่ยาก สามารถรองรับแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น

  • Facebook
  • Twitter
  • Tumble
  • Pinterest

สำหรับแพลนการใช้งานก็มีให้เลือกทั้งฟรีและแบบเสียเงิน โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับเวอร์ชันฟรี มีดังนี้

  • Bulk Scheduling สามารถตั้งเวลาโพสต์โดยอัปโหลดได้พร้อมกัน 5 โพสต์ ในคราวเดียว 
  • Flexible Usage รองรับการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ โปรแกรมบนเดสก์ท็อป และแอปฯ บนโทรศัพท์มือถือ 
  • Zapier Integration ระบบตั้งเวลาโพสต์อัตโนมัติหรือสตรีมมิงโพสต์จาก RSS Feeds มายัง Friend+Me ได้ทันที

แต่ถ้าหากต้องการทำงานอย่างยืดหยุ่นได้มากขึ้น Friend+Me ก็มีออปชันเสียเงินให้เลือกมากถึง 4 แบบ 

  • Individual 9$/เดือน สามารถตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้ถึง 500 โพสต์ ต่อ 1 คิว (มากสุด 5 คิว) เพิ่มสมาชิกในระบบได้ถึง 10 คน 
  • Small 29$/เดือน สามารถตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้ถึง 1500 โพสต์ ต่อ 1 คิว (มากสุด 15 คิว) เพิ่มสมาชิกในระบบได้ถึง 20 คน 
  • Medium 59$/เดือน สามารถตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้ถึง 3000 โพสต์ ต่อ 1 คิว (มากสุด 30 คิว) เพิ่มสมาชิกในระบบได้ถึง 30 คน 
  • Large 259$/เดือน สามารถตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้ถึง 5000 โพสต์ ต่อ 1 คิว (มากสุด 120 คิว) เพิ่มสมาชิกในระบบได้ถึง 50 คน

แม้ว่าจำนวนของโปรไฟล์และแพลตฟอร์มที่รองรับจะค่อนข้างน้อยถ้าหากเทียบกับเครื่องมือตัวอื่น แต่ต้องบอกว่าข้อแตกต่างสำคัญของ Friend+Me คือสามารถเพิ่มผู้ใช้งานได้ถึง 2 แอคเคาท์สำหรับแพลนฟรี และมีตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับแพลนเสียเงินเพิ่มเติม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาเครื่องมือบริหารโซเชียลมีเดียอยู่

3.CoSchedule

อีกหนึ่งเครื่องมือที่เชื่อว่าหลายคนคงทำหน้างงเมื่อได้ยินชื่อแน่ๆ เพราะว่า CoSchedule เป็นหนึ่งในเครื่องมือบริหารจัดการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ค่อนข้างมีความเฉพาะทางสูงมาก ต้องใช้ความเข้าใจสูงในการใช้งานพอสมควร สามารถรองรับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น

  • Facebook
  • Twitter 
  • Instagram
  • LinkedIn
  • Pinterest

โดย CoSchedule มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ดังนี้

  • Messages และ Campaigns สามารถกำหนดเวลาการโพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ 
  • Best Time Scheduling ใครที่ไม่รู้จะวางแพลนโพสต์วันไหนดี ลองให้อัลกอริทึมของ CoSchedule หาแนวโน้มที่จะสามารถหา Engagement จากโพสต์ได้มากที่สุด จากนั้นเพียงแค่เอนหลังและปล่อยให้อัลกอริทึมทำงานแทน
  • Historical Social Messages Imports ในกรณีที่ผู้ใช้งานสร้างโปรไฟล์ใหม่ CoSchedule จะ Import ข้อความเก่าๆ 60 วันล่าสุด เพื่อให้ผู้ใช้งานตัดสินใจว่าจะนำไปรีโพสต์ใหม่หรือไม่

หากใครที่ใช้งานแบบฟรีแล้วยังรู้สึกว่ายังมีฟีเจอร์ให้ใช้งานยังไม่จุใจ สามารถอัปเกรดแพลนได้ ดังนี้

  • Pro 39$/เดือน สามารถโพสต์บนโซเชียลมีเดียแบบไม่จำกัด รวมทั้งมีฟีเจอร์อย่าง Bulk Scheduling, Automation, Campaign Templates และอื่นๆ 
  • Business สำหรับการนำไปใช้งานในระดับธุรกิจ CoSchedule จะแนะนำให้ติดต่อเข้ามาเพื่อตกลงค่าใช้จ่าย โดยจะมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมเวอร์ชัน Pro ทั้งหมดรวมถึงจะมีเครื่องมือที่ช่วยเหลือให้การทำงานมีความลื่นไหลเพิ่มมากขึ้น

สำหรับ CoSchedule อาจจะเหมาะกับนักการตลาดที่มีการผลิตคอนเทนต์จำนวนมาก ซึ่งนอกจากจะรองรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแล้วยังเชื่อมต่อเข้ากับ WordPress, Evernote หรือ Google Docs เป็นต้น ฉะนั้นหากใครที่เป็น Blogger, นักการตลาด หรือ Publisher ที่มีคอนเทนต์ในมือจำนวนมหาศาลรับรองว่า CoSchedule จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน

4. Hootsuite

Hootsuite เป็นหนึ่งในเครื่องมือบริหารจัดการโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีความครบเครื่องไม่ว่าจะเป็นการโพสต์คอนเทนต์ลงบนโซเชียลมีเดีย การจัดการคอมเมนต์ หรือจะสร้างแคมเปญก็ได้ทั้งนั้น โดยรองรับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น

  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
  • LinkedIn
  • Pinterest

สำหรับฟีเจอร์เด่นๆ บน Hootsuite มีดังนี้

  • Content Customization สามารถกำหนดเวลาโพสต์ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้พร้อมกัน และสามารถปรับแต่งโพสต์สำหรับแต่ละแพลตฟอร์มได้
  • Promoted Posts สามารถบูสต์โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะ Facebook, LinkedIn และ Instagram

หากผู้ใช้งานต้องการอัปเกรดฟีเจอร์เพิ่มเติม สามารถพิจารณาเลือกได้หลายตัวเลือก ดังนี้

  • Professional 49$/เดือน เพิ่มผู้ใช้งานได้ 1 คน และสามารถเข้าถึง 10 Social Accounts รวมถึงสามารถตั้งค่าโพสต์ล่วงหน้า 
  • Team 129$/เดือน ครอบคลุมเวอร์ชัน Professional เพิ่มผู้ใช้งานได้ 3 คน และสามารถเข้าถึง 20 Social Accounts ตั้งค่า Permission ของสมาชิกในทีมได้
  • Business 739$/เดือน ครอบคลุมเวอร์ชัน Business เพิ่มผู้ใช้งานได้ 5 คน และสามารถเข้าถึง 35 Social Accounts ขยายฟังก์ชันของ Premium Apps และอื่นๆ
  • Enterprise สำหรับการนำไปใช้งานในระดับธุรกิจ Hootsuite จะแนะนำให้ติดต่อเข้ามาเพื่อตกลงค่าใช้จ่าย โดยจะมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมเวอร์ชัน Business รวมถึงฟีเจอร์การบูสต์โพสต์แบบไม่จำกัด และอีกมากมาย

สำหรับหนึ่งในข้อเสียที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ”ราคา” แม้ว่า Hootsuite จะมีเวอร์ชันฟรีให้ได้ใช้งานแต่ฟีเจอร์ที่มีให้มาก็ต้องบอกว่าน้อยมากหากเทียบกับเครื่องมือตัวอื่นในตลาด และราคาจะยิ่งแพงมากขึ้นตามขนาดของทีม

สำหรับ 4 เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่ไม่ได้มีความซับซ้อนมากจนเกินไป เหมาะสมกับการใช้งานที่จะเน้นไปที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นหลัก อย่างไรก็ตามทุกเครื่องมือจำเป็นต้องใช้เวลาในการศึกษาทำความเข้าใจ หากเลือกใช้ให้เหมาะสมจะช่วยสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับการทำงานการตลาดออนไลน์ สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาเครื่องทุ่นแรงอยู่ลองเลือกหยิบจากบทความข้างต้นไปสักอันแล้วเริ่มต้นใช้งานดูกันเลย

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com

Related Articles

If you enjoyed reading this article, you might like these too.

WordPress Hooks คืออะไร? เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ได้อย่างไร?
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

July 24, 2024

WordPress Hooks คืออะไร? เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ได้อย่างไร?
WordPress hooks คืออะไร? ในวงการเว็บไซต์ พูดได้ว่า WordPress เป็นหนึ่งในระบบ Content Management (CMS) ที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งมี Market Share มากกว่า 60% ทั่วโลก เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะจำนวน Plugin แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายที่มีให้เลือกใช้งานจำนวนมาก...
อัปเดตโฆษณา AI บน Google Ads! บอกวิธียิงแอดในยุคที่ AI เป็นใหญ่
โฆษณา Google Ads

July 24, 2024

อัปเดตโฆษณา AI บน Google Ads! บอกวิธียิงแอดในยุคที่ AI เป็นใหญ่
ในยุคที่เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกวงการ วงการโฆษณาออนไลน์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Google Ads ที่กำลังนำ AI มาใช้ในการพัฒนาระบบโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบอย่างไรต่อนักการตลาดออนไลน์? แล้วเราจะปรับตัวกับโฆษณา AI อย่างไรในก้าวทันคู่แข่ง? ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายถึงผลกระทบของโฆษณา AI ต่อแคมเปญ PPC โดยรวม...
Google Trends คืออะไร? ส่องเคล็ดลับการใช้เทรนด์เพิ่มประสิทธิภาพ SEO
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

July 23, 2024

Google Trends คืออะไร? ส่องเคล็ดลับการใช้เทรนด์เพิ่มประสิทธิภาพ SEO
คอนเทนต์ตามกระแส หรือเทรนด์เป็นรูปแบบการนำเสนอเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในโลกดิจิทัล เนื่องจากมักสร้างการมีส่วนร่วม และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักการตลาดและคอนเทนต์ครีเอเตอร์นิยมใช้เพื่อค้นหาและติดตามกระแส คือ Google Trends ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่า Google Trends คืออะไร และจะนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างคอนเทนต์อย่างไรให้ตอบโจทย์การทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเจาะลึกเทคนิคการใช้เทรนด์เพื่อยกระดับกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ Google Trends คืออะไร...
Martech คืออะไร หากนำมาใช้แล้วจะมีผลต่อ SEO บ้างไหม?
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

July 22, 2024

Martech คืออะไร หากนำมาใช้แล้วจะมีผลต่อ SEO บ้างไหม?
ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การทำ Digital Marketing หรือตลาดดิจิทัลกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกองค์กร แล้วเครื่องมือที่ช่วยให้การทำการตลาดออนไลน์เหล่านี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นก็คือ Martech หรือ Marketing Technology นั่นเอง วันนี้เรามาทำความรู้จักกันว่า Martech คืออะไร? มีรูปแบบอย่างไรบ้าง? และอีกหนึ่งสิ่งที่อยากจะมาแชร์คือ Martech สามารถช่วยยกระดับการทำ SEO...