ในวินาทีที่โลกก้าวเข้าสู่ปี 2022 คงจะปฏิเสธกันไม่ได้ว่าในการทำการตลาดออนไลน์แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่กลาย First-Priority ของนักการตลาดมือใหม่ เป็นผลให้นักการตลาดหลายคนต้องมองหาเครื่องมือที่จะมาช่วยบริหารจัดการโซเชียลมีเดียแบบบูรณาการ เพื่อให้สามารถจัดการแอคเคาท์ต่างๆ บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้แบบครบจบในที่เดียว เพราะอย่าลืมว่าการทำงานด้านการตลาด ”เวลาที่เสียไปในแต่ละวินาทีเท่ากับงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น” ฉะนั้นการมีตัวช่วยที่ดีย่อมสร้างโอกาสให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น
แต่ต้องยอมรับว่าในยุคที่เทคโนโลยีครองโลกนี้มีตัวเลือกมากมาย บางเครื่องมือปล่อยให้ผู้ใช้งานได้ฟรีแต่อาจมีฟังก์ชันที่ไม่ครบ ถ้าอยากได้แบบครบๆ ก็ต้องเสียเงินเพิ่มอีกเท่าตัว หรือบางตัวอาจมีราคากำหนดตั้งแต่แรกแต่ก็ดันมีฟีเจอร์ขาดๆ เกินๆ ในบทความนี้จะมาแนะนำ 4 เครื่องมือบริหารจัดการโซเชียลมีเดียที่มีทั้งฟรีและเสียเงินเพิ่ม ใครที่กำลังเล็งเครื่องมือตัวไหนอยู่ หรืออยากรู้ว่าอันไหนจะคุ้มค่าที่สุดในปี 2022 มาดูพร้อมกันเลย
1. Buffer
หากกำลังมองหาเครื่องมือที่จะมาช่วยบริหารจัดการแอคเคาท์โซเชียลมีเดียให้เป็นระบบมากขึ้น Buffer ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือลำดับต้นๆ ที่จะตอบโจทย์นี้ได้ ด้วยการทำงานเป็นระบบ สามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถรองรับแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
แน่นอนว่าราคาเริ่มต้นของการใช้งาน Buffer มีให้เลือกทั้งแบบฟรีและเสียเงิน โดยแบบฟรีจะมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ดังนี้
- Posting Schedules สามารถเตรียมโพสต์ไว้ก่อนที่จะถึงเวลาลงได้ โดยสามารถตั้งเวลาเอาไว้เพื่อแยกทีละโพสต์บนแต่ละแพลตฟอร์มได้เลย เป็นการประหยัดเวลาในการวางแผนจัดการโพสต์ เพื่อช่วยลดข้อผิดพลาดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
- Google Analytics Campaign Tracking สามารถตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของแต่ละโพสต์ได้เพื่อนำไปวางแผนการตลาดออนไลน์ให้เหมาะสม
- Start Page เป็นฟีเจอร์ล่าสุดที่จะสามารถให้นักการตลาดสร้าง “Landing Page” เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการโดยไม่จำเป็นต้องสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง โดยจะมีตัวเลือกต่างๆ ในการตกแต่งมาให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นสีธีม สีปุ่ม ฟอนต์ รับประกันว่าใช้งานง่ายและเป็นมิตรสำหรับมือใหม่
สำหรับตัวเลือกแบบชำระเงินจะมีให้เลือกด้วยกันอยู่ 2 แบบ คือ
- Essentials ราคาอยู่ที่ 6$/เดือน สามารถตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้ถึง 2,000 โพสต์ต่อ 1 แพลตฟอร์ม สามารถปรับแต่งภาพหน้าปกวิดีโอได้ รวมถึงมีเครื่องมือในการวัดผลต่างๆ เพิ่มเติมเข้ามาอีกมากมาย
- Essentials + Team ราคาอยู่ที่ 12$/เดือน สามารถเพิ่มสมาชิกในระบบได้ไม่จำกัด และยังสามารถ Export รายงานพร้อมโลโก้ สร้างหน้าปกรายงานอัตโนมัติ หรือการกำหนด Permission Level และระบบ Approval โพสต์ต่างๆ
2. Friends+Me
หลายคนอาจจะไม่คุ้นกับเครื่องมือที่ชื่อว่า Friend+Me นี้ แต่รับประกันได้เลยว่า Friends+Me เป็นเครื่องมือที่ใช้เวลาไม่นานก็เข้าใจ ใช้งานง่าย ตอบโจทย์มือใหม่ที่กำลังมองหาเครื่องมือบริหารจัดการโซเชียลมีเดียแบบเรียบง่าย ใช้งานไม่ยาก สามารถรองรับแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น
- Tumble
สำหรับแพลนการใช้งานก็มีให้เลือกทั้งฟรีและแบบเสียเงิน โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับเวอร์ชันฟรี มีดังนี้
- Bulk Scheduling สามารถตั้งเวลาโพสต์โดยอัปโหลดได้พร้อมกัน 5 โพสต์ ในคราวเดียว
- Flexible Usage รองรับการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ โปรแกรมบนเดสก์ท็อป และแอปฯ บนโทรศัพท์มือถือ
- Zapier Integration ระบบตั้งเวลาโพสต์อัตโนมัติหรือสตรีมมิงโพสต์จาก RSS Feeds มายัง Friend+Me ได้ทันที
แต่ถ้าหากต้องการทำงานอย่างยืดหยุ่นได้มากขึ้น Friend+Me ก็มีออปชันเสียเงินให้เลือกมากถึง 4 แบบ
- Individual 9$/เดือน สามารถตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้ถึง 500 โพสต์ ต่อ 1 คิว (มากสุด 5 คิว) เพิ่มสมาชิกในระบบได้ถึง 10 คน
- Small 29$/เดือน สามารถตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้ถึง 1500 โพสต์ ต่อ 1 คิว (มากสุด 15 คิว) เพิ่มสมาชิกในระบบได้ถึง 20 คน
- Medium 59$/เดือน สามารถตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้ถึง 3000 โพสต์ ต่อ 1 คิว (มากสุด 30 คิว) เพิ่มสมาชิกในระบบได้ถึง 30 คน
- Large 259$/เดือน สามารถตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้าได้ถึง 5000 โพสต์ ต่อ 1 คิว (มากสุด 120 คิว) เพิ่มสมาชิกในระบบได้ถึง 50 คน
แม้ว่าจำนวนของโปรไฟล์และแพลตฟอร์มที่รองรับจะค่อนข้างน้อยถ้าหากเทียบกับเครื่องมือตัวอื่น แต่ต้องบอกว่าข้อแตกต่างสำคัญของ Friend+Me คือสามารถเพิ่มผู้ใช้งานได้ถึง 2 แอคเคาท์สำหรับแพลนฟรี และมีตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับแพลนเสียเงินเพิ่มเติม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาเครื่องมือบริหารโซเชียลมีเดียอยู่
3.CoSchedule
อีกหนึ่งเครื่องมือที่เชื่อว่าหลายคนคงทำหน้างงเมื่อได้ยินชื่อแน่ๆ เพราะว่า CoSchedule เป็นหนึ่งในเครื่องมือบริหารจัดการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ค่อนข้างมีความเฉพาะทางสูงมาก ต้องใช้ความเข้าใจสูงในการใช้งานพอสมควร สามารถรองรับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น
โดย CoSchedule มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ดังนี้
- Messages และ Campaigns สามารถกำหนดเวลาการโพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ
- Best Time Scheduling ใครที่ไม่รู้จะวางแพลนโพสต์วันไหนดี ลองให้อัลกอริทึมของ CoSchedule หาแนวโน้มที่จะสามารถหา Engagement จากโพสต์ได้มากที่สุด จากนั้นเพียงแค่เอนหลังและปล่อยให้อัลกอริทึมทำงานแทน
- Historical Social Messages Imports ในกรณีที่ผู้ใช้งานสร้างโปรไฟล์ใหม่ CoSchedule จะ Import ข้อความเก่าๆ 60 วันล่าสุด เพื่อให้ผู้ใช้งานตัดสินใจว่าจะนำไปรีโพสต์ใหม่หรือไม่
หากใครที่ใช้งานแบบฟรีแล้วยังรู้สึกว่ายังมีฟีเจอร์ให้ใช้งานยังไม่จุใจ สามารถอัปเกรดแพลนได้ ดังนี้
- Pro 39$/เดือน สามารถโพสต์บนโซเชียลมีเดียแบบไม่จำกัด รวมทั้งมีฟีเจอร์อย่าง Bulk Scheduling, Automation, Campaign Templates และอื่นๆ
- Business สำหรับการนำไปใช้งานในระดับธุรกิจ CoSchedule จะแนะนำให้ติดต่อเข้ามาเพื่อตกลงค่าใช้จ่าย โดยจะมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมเวอร์ชัน Pro ทั้งหมดรวมถึงจะมีเครื่องมือที่ช่วยเหลือให้การทำงานมีความลื่นไหลเพิ่มมากขึ้น
สำหรับ CoSchedule อาจจะเหมาะกับนักการตลาดที่มีการผลิตคอนเทนต์จำนวนมาก ซึ่งนอกจากจะรองรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแล้วยังเชื่อมต่อเข้ากับ WordPress, Evernote หรือ Google Docs เป็นต้น ฉะนั้นหากใครที่เป็น Blogger, นักการตลาด หรือ Publisher ที่มีคอนเทนต์ในมือจำนวนมหาศาลรับรองว่า CoSchedule จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
4. Hootsuite
Hootsuite เป็นหนึ่งในเครื่องมือบริหารจัดการโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีความครบเครื่องไม่ว่าจะเป็นการโพสต์คอนเทนต์ลงบนโซเชียลมีเดีย การจัดการคอมเมนต์ หรือจะสร้างแคมเปญก็ได้ทั้งนั้น โดยรองรับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น
- YouTube
สำหรับฟีเจอร์เด่นๆ บน Hootsuite มีดังนี้
- Content Customization สามารถกำหนดเวลาโพสต์ในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้พร้อมกัน และสามารถปรับแต่งโพสต์สำหรับแต่ละแพลตฟอร์มได้
- Promoted Posts สามารถบูสต์โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะ Facebook, LinkedIn และ Instagram
หากผู้ใช้งานต้องการอัปเกรดฟีเจอร์เพิ่มเติม สามารถพิจารณาเลือกได้หลายตัวเลือก ดังนี้
- Professional 49$/เดือน เพิ่มผู้ใช้งานได้ 1 คน และสามารถเข้าถึง 10 Social Accounts รวมถึงสามารถตั้งค่าโพสต์ล่วงหน้า
- Team 129$/เดือน ครอบคลุมเวอร์ชัน Professional เพิ่มผู้ใช้งานได้ 3 คน และสามารถเข้าถึง 20 Social Accounts ตั้งค่า Permission ของสมาชิกในทีมได้
- Business 739$/เดือน ครอบคลุมเวอร์ชัน Business เพิ่มผู้ใช้งานได้ 5 คน และสามารถเข้าถึง 35 Social Accounts ขยายฟังก์ชันของ Premium Apps และอื่นๆ
- Enterprise สำหรับการนำไปใช้งานในระดับธุรกิจ Hootsuite จะแนะนำให้ติดต่อเข้ามาเพื่อตกลงค่าใช้จ่าย โดยจะมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมเวอร์ชัน Business รวมถึงฟีเจอร์การบูสต์โพสต์แบบไม่จำกัด และอีกมากมาย
สำหรับหนึ่งในข้อเสียที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ”ราคา” แม้ว่า Hootsuite จะมีเวอร์ชันฟรีให้ได้ใช้งานแต่ฟีเจอร์ที่มีให้มาก็ต้องบอกว่าน้อยมากหากเทียบกับเครื่องมือตัวอื่นในตลาด และราคาจะยิ่งแพงมากขึ้นตามขนาดของทีม
สำหรับ 4 เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่ไม่ได้มีความซับซ้อนมากจนเกินไป เหมาะสมกับการใช้งานที่จะเน้นไปที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นหลัก อย่างไรก็ตามทุกเครื่องมือจำเป็นต้องใช้เวลาในการศึกษาทำความเข้าใจ หากเลือกใช้ให้เหมาะสมจะช่วยสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับการทำงานการตลาดออนไลน์ สำหรับมือใหม่ที่กำลังมองหาเครื่องทุ่นแรงอยู่ลองเลือกหยิบจากบทความข้างต้นไปสักอันแล้วเริ่มต้นใช้งานดูกันเลย
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com