แนะนำ 5 เครื่องมือการทำ Technical SEO ในระดับองค์กร

June 15, 2022Published By: Relevant Audience
Results Image

ต้องยอมรับว่าการทำ SEO ในปัจจุบันมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว สาเหตุมาจากการที่ Search Engine ทุกตัวในตลาดคอยอัปเดตอัลกอริทึมเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้ใช้งานอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นงานหนักสำหรับทั้งผู้ที่กำลังเริ่มต้นทำ SEO และ SEO Specialist มากประสบการณ์ทุกคนที่จะต้องคอยศึกษาทำความเข้าใจตัวแปรต่างๆ อยู่เสมอ เพื่อคอยปรับปรุงประสิทธิภาพให้อันดับของเว็บไซต์เป็นไปอย่างที่คาดหวังไว้ 

โดยพื้นฐานการทำ SEO แบบเบสิคและการทำ SEO ในระดับองค์กรไม่ได้มีความแตกต่างกันในแง่ของคอนเซปต์สักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ต่างกันจริงๆ สำหรับการทำ SEO ในระดับองค์กรคือ SEO Specialist จะต้องมีความรู้สำหรับการทำ Techinical SEO ที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวางโครงสร้างเว็บไซต์ การติดแท็กอัตโนมัติ การใช้ Canonical Tag รวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพต่างๆ แบบเชิงลึก ประกอบกับเนื้องานที่ต้องคอยดูแลเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าการที่จะลดความซับซ้อนในการทำงานเหล่านี้จำเป็นจะต้องมีเครื่องมือที่เป็นตัวช่วยเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ในท้ายที่สุด ฉะนั้นในบทความนี้จะมาแนะนำเครื่องมือสำหรับการทำ Techinal SEO ระดับองค์กร รับรองว่าสามารถเลือกไปใช้งานจริงได้ทุกตัวแน่นอน

1. SEORadar

สำหรับการทำงานในระดับองค์กรหรือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีหน้าเว็บไซต์ที่ต้องดูแลเป็นหลักหลายร้อยจนถึงหลักพัน อาจเป็นเรื่องยากที่จะคอยติดตามสถานะ URL ของแต่ละหน้า อย่าลืมว่าการไม่ตรวจสอบสถานะของ URL จะเป็นการสร้างผลเสียให้กับการทำ SEO ในระยะยาว 

โดย SEORadar เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีชื่อเสียงจากฟีเจอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อติดตามสถานะของ URL เว็บไซต์ได้พร้อมกันจำนวนมากแบบเรียลไทม์ ผู้ใช้งานเพียงแค่เพิ่ม URL ที่ต้องการติดตาม จากนั้นไม่ว่า URL จะเกิดปัญหาอะไรก็ตามอย่างการเปลี่ยน Status Code จาก 200 เป็น Not Found 404 ระบบก็จะแจ้งเตือนทันทีเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถแก้ปัญหาได้ทันก่อนที่จะมีผลกระทบต่อเว็บไซต์ 

สำหรับราคาการใช้งาน SEORadar มีรายละเอียดดังนี้

  • เวอร์ชัน Lite $199/เดือน สามารถตรวจสอบสถานะ URL ได้สูงสุด 1,000 URL/สัปดาห์
  • เวอร์ชัน Pro $499/เดือน สามารถตรวจสอบสถานะ URL ได้สูงสุด 4,000 URL/สัปดาห์
  • เวอร์ชัน Max $999/เดือน สามารถตรวจสอบสถานะ URL ได้สูงสุด 12,000 URL/สัปดาห์
  • เวอร์ชัน Enterprise ราคาขึ้นกับความต้องการของผู้ใช้งาน สามารถตรวจสอบสถานะ URL ได้สูงสุด 1,000,000 URL/สัปดาห์

จะเห็นได้ว่านี่ไม่ใช่ราคาที่ดูจะเป็นมิตรสักเท่าไร แต่สำหรับองค์กรหรือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีหน้าเว็บไซต์ที่ต้องคอยดูแลหลายร้อยไปจนถึงหลักหลายพันขึ้นไป คงไม่มีใครที่อยากจะมาเสียเวลานั่งมอนิเตอร์แต่ละหน้าเอง ฉะนั้นการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมก็จะเป็นเครื่องทุ่นแรงชั้นยอด รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับมาจะคุ้มยิ่งกว่าคุ้มแน่นอน 

2. Screaming Frog

Screaming Frog เป็นหนึ่งในเครื่องมือยอดฮิตของ SEO Specialist ทุกระดับตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการทำ SEO ในระดับของบริษัทขนาดใหญ่ เป็นหนึ่งในเครื่องมือการทำ SEO แบบ All-In-One ที่มีประสิทธิภาพการทำงานที่ได้ผลจริง ไม่ว่าจะตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ของเว็บไซต์ ค้นหาคีย์เวิร์ด สร้าง Sitemap หรือตรวจสอบ Links ต่างๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม แม้มีความสามารถที่หลากหลายแต่ก็มีข้อจำกัดในการทำงานในระดับองค์กรที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้นในกรณีที่เป็นการทำ SEO ในองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องดูแลหน้าเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก อาจต้องมองหาตัวเลือกอื่นแทน อย่างเช่น Botify DeepCrawl หรือ Oncrawl จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า 

สำหรับราคามีทั้งแบบฟรีให้เลือกใช้งานและแบบโปร อยู่ที่ 149€/ปี ต่อปีเท่านั้น! ด้วยราคาที่เป็นมิตรและมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมจึงไม่แปลกที่ Screaming Frog จึงเป็นหนึ่งในเครื่องมือการทำ SEO ที่ติดแทบทุกชาร์ตของบทความแนะนำเครื่องมือพื้นฐานในการทำ SEO ในปี 2022

3. Botify

หนึ่งในเครื่องมือที่มีชื่อเสียงสำหรับใครที่ต้องการรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ (Crawl) เพื่อตรวจสอบปัญหาและปรับปรุงประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์อย่างการรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ (Crawl) จัดกลุ่มข้อมูล (Data Segmentation) ตรวจสอบคีย์เวิร์ดจากคำค้นหาของผู้ใช้งาน และสามารถเช็ก Log Files ต่างๆ ได้ทันที

โดยการรวบรวมข้อมูลบนเว็บไซต์ผ่าน Botify จะใช้ความเร็วที่ 250 URLs/วินาที และสามารถเรนเดอร์ไฟล์ JavaScript ได้ที่ 100 URLs/วินาที เช่นเดียวกับการตรวจสอบคีย์เวิร์ดที่สามารถค้นหาได้แบบไม่จำกัดและสามารถผสานการทำงานร่วมกับ Analytics Tools อื่นๆ เช่น Google Search Console ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Botify Inteligence ที่ใช้ระบบ Machine Learning ในการจัดลำดับความสำคัญของโอกาสที่จะสร้างผลกระทบต่อการทำ SEO และแจ้งเตือนทันทีเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที 

สำหรับราคาการใช้งาน Botify ในทุกแพคเกจไม่มีการระบุเอาไว้ แต่มี 3 ระดับให้ผู้ใช้งานเลือกโดยสามารถติดต่อสอบถามราคาได้ โดยจะยึดตามความต้องการของผู้ใช้งานเป็นหลัก

4. Deepcrawl

อีกหนึ่งเครื่องมือช่วยเหลือการทำ SEO แบบ All-In-One ที่มีฟีเจอร์อย่างการรวบรวมข้อมูลพร้อมกับการวิเคราะห์เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปรับปรุงได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างเว็บไซต์ ขนาดไฟล์ ปัญหาการ Redirects และอื่นๆ โดยมีฟีเจอร์ Deepcrawl Monitor Hub ที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ได้ทันทีด้วยการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมีแดชบอร์ดที่ระบุข้อมูลที่ครอบคลุมการทำงานต่างๆ ในทุกหน้าของเว็บไซต์เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ง่าย 

สำหรับราคาบนเว็บไซต์ DeepCrawl ไม่ได้กำหนดราคาไว้แต่อย่างใด โดยจะมีสองแพคเกจเบื้องต้นให้เลือกคือแบบ DeepCrawl Detect และ DeepCrawl Protect

5. Oncrawl

อีกหนึ่งเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการทำ Techincal Audit โดยเฉพาะ ด้วยฟีเจอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการรวบรวมข้อมูล SEO บนเว็บไซต์ ผ่านระบบ Machine Learning ที่จะช่วยระบุข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ต่อผู้ใช้งานเพื่อที่จะนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพการทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

ด้วยราคาที่ไม่ได้แพงมากหากเทียบกับเครื่องมือตัวอื่นๆ ในตลาด Oncrawl จึงมาพร้อมกับฟีเจอร์พื้นฐานทั่วไปสำหรับการตรวจสอบเว็บไซต์ที่ครบถ้วน แต่อาจไม่มีฟีเจอร์เสริมอย่างการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์  

สำหรับราคาการใช้งานราคาถูกสุดเพียงแค่ 49€/เดือน เท่านั้น เหมาะสำหรับองค์กรหรือบริษัทที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นการทำ SEO 

อย่างไรก็ตาม ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการทำ SEO ในระดับองค์กรหรือบริษัทขนาดใหญ่ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้เครื่องมือที่มีฟังก์ชันที่ครบครันหรือเลือกใช้อันที่มีราคาแพงที่สุดเสมอไป แต่ควรดูที่เนื้อหาของงานที่ต้องทำเป็น First-Priority หลักก่อนเสมอ เช่น ในกรณีที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่แต่เว็บไซต์ที่ใช้จริงๆ มีเพียงแค่ไม่กี่หน้า ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องมือราคาแพงแต่อย่างใด แต่หากเป็นบริษัทขนาดเล็กแต่ทำธุรกิจประเภท E-Commerce ที่อาศัยหน้าเว็บไซต์ในการนำเสนอสินค้าหลายพันชนิด ก็ต้องเลือกใช้เครื่องมือที่สามารถครอบคลุมการทำงานให้ครบทุกส่วนเพื่อที่จะได้ประหยัดทั้งเงินทั้งเวลาในการทำงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com

Related Articles

If you enjoyed reading this article, you might like these too.

WordPress Hooks คืออะไร? เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ได้อย่างไร?
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

July 24, 2024

WordPress Hooks คืออะไร? เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ได้อย่างไร?
WordPress hooks คืออะไร? ในวงการเว็บไซต์ พูดได้ว่า WordPress เป็นหนึ่งในระบบ Content Management (CMS) ที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งมี Market Share มากกว่า 60% ทั่วโลก เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะจำนวน Plugin แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายที่มีให้เลือกใช้งานจำนวนมาก...
อัปเดตโฆษณา AI บน Google Ads! บอกวิธียิงแอดในยุคที่ AI เป็นใหญ่
โฆษณา Google Ads

July 24, 2024

อัปเดตโฆษณา AI บน Google Ads! บอกวิธียิงแอดในยุคที่ AI เป็นใหญ่
ในยุคที่เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกวงการ วงการโฆษณาออนไลน์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Google Ads ที่กำลังนำ AI มาใช้ในการพัฒนาระบบโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบอย่างไรต่อนักการตลาดออนไลน์? แล้วเราจะปรับตัวกับโฆษณา AI อย่างไรในก้าวทันคู่แข่ง? ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายถึงผลกระทบของโฆษณา AI ต่อแคมเปญ PPC โดยรวม...
Google Trends คืออะไร? ส่องเคล็ดลับการใช้เทรนด์เพิ่มประสิทธิภาพ SEO
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

July 23, 2024

Google Trends คืออะไร? ส่องเคล็ดลับการใช้เทรนด์เพิ่มประสิทธิภาพ SEO
คอนเทนต์ตามกระแส หรือเทรนด์เป็นรูปแบบการนำเสนอเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในโลกดิจิทัล เนื่องจากมักสร้างการมีส่วนร่วม และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักการตลาดและคอนเทนต์ครีเอเตอร์นิยมใช้เพื่อค้นหาและติดตามกระแส คือ Google Trends ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่า Google Trends คืออะไร และจะนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างคอนเทนต์อย่างไรให้ตอบโจทย์การทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเจาะลึกเทคนิคการใช้เทรนด์เพื่อยกระดับกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ Google Trends คืออะไร...
Martech คืออะไร หากนำมาใช้แล้วจะมีผลต่อ SEO บ้างไหม?
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

July 22, 2024

Martech คืออะไร หากนำมาใช้แล้วจะมีผลต่อ SEO บ้างไหม?
ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การทำ Digital Marketing หรือตลาดดิจิทัลกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกองค์กร แล้วเครื่องมือที่ช่วยให้การทำการตลาดออนไลน์เหล่านี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นก็คือ Martech หรือ Marketing Technology นั่นเอง วันนี้เรามาทำความรู้จักกันว่า Martech คืออะไร? มีรูปแบบอย่างไรบ้าง? และอีกหนึ่งสิ่งที่อยากจะมาแชร์คือ Martech สามารถช่วยยกระดับการทำ SEO...