PPC Report เป็นเครื่องมือสำคัญในการใช้วัดผลและวิเคราะห์ความสำเร็จ รวมถึงเป็นภาพรวมของแคมเปญโฆษณาแบบ Pay Per Click ซึ่งเป็นการโฆษณาโดยเสียค่าใจใช้จากจำนวนการคลิกโฆษณานั้น และสามารถใช้เป็นแนวทางการวางกลยุทธ์แคมเปญต่อไปได้เช่นกัน
ในบทความนี้มาดูกันว่าวิธีทำ PPC Report ให้มีประสิทธิภาพควรทำอย่างไร และมีองค์ประกอบอะไรบ้างที่จำเป็นต้องใช้ในการทำรายงาน
ตั้งเป้าหมายการทำรายงาน PPC ให้ชัดเจน
ก่อนเข้าสู่วิธีทำ ppc reporting เราต้องรู้ก่อนว่าเราอยากให้แคมเปญของเราประสบความสำเร็จอย่างไร ถ้ามีเป้าหมายที่ชัดเจน การวัดผลข้อมูล PPC ก็จะทำได้ไม่ยาก โดยตัวอย่างเป้าหมายการทำรายงาน PPC เช่น
- สรุปภาพรวมให้ผู้บริหาร
- พิสูจน์ ROI
- แสดงผลงานที่ทำ
- ติดตามความคืบหน้า
- ชี้ให้เห็นเทรนด์ต่างๆ
องค์ประกอบสำคัญที่ควรมีในรายงาน PPC
1. ช่วงเวลา
นอกจากเป้าหมายแล้ว ความถี่ในการทำรายงาน PPC ก็สำคัญ ควรกำหนดช่วงเวลาให้แน่นอน และอย่าลืมระบุช่วงเวลาลงไปในรายงานเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจบริบทของข้อมูลได้ดีขึ้น
2. เป้าหมายของแคมเปญ
การระบุจุดประสงค์ของแต่ละแคมเปญจะช่วยให้เข้าใจตัวเลขในรายงานได้ดีขึ้น เช่น แคมเปญ Display ที่ต้องการสร้างการรับรู้ อาจจะประสบความสำเร็จแม้จะมี Impression เยอะแต่คลิกน้อย ในขณะที่แคมเปญที่ต้องการสร้างยอดขายหรือ Traffic อาจจะไม่ถือว่าประสบความสำเร็จถ้ามีตัวเลขแบบเดียวกัน
3. Conversions
การติดตาม Conversion เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะทุกโฆษณาย่อมต้องการให้ผู้ชมทำบางอย่างหลังจากคลิกหรือดูโฆษณา ถือเป็นตัวชี้วัดหลักของรายงาน PPC เลยก็ว่าได้
4. CPA
Cost per Acquisition ช่วยให้คุณรู้ว่าคุณได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไปหรือไม่ ถึงแม้ Conversion อาจจะดูดี แต่ถ้าต้นทุนสูงเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อการโฆษณาโดยรวมได้
5. ROAS
Return on Ad Spend เป็นการดูภาพรวมของค่าใช้จ่ายโฆษณาเทียบกับรายได้ที่ได้รับ นิยมใช้ในธุรกิจ E-commerce เพราะช่วยให้เห็นภาพใหญ่กว่า CPA
6. การตั้งเป้าหมายโฆษณา
ลองแยกแคมเปญตาม Ad Group หรือ Ad Set เพื่อดูว่าเราพยายามเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายไหนบ้าง ทั้งจากคีย์เวิร์ดหรือการตั้งเป้าหมายผู้ชม จะได้รู้ว่าควรใช้กลุ่มเป้าหมายนี้ต่อไปในอนาคตหรือไม่
7. CPC
ถ้ารายงาน PPC แสดงให้เห็นว่า ROAS หรือ CPA มีปัญหา สิ่งแรกที่พิจารณาต่อไปคือ Cost Per Click ข้อมูลนี้ช่วยให้ระบุส่วนที่อาจจะสิ้นเปลืองงบประมาณได้
8. Ad CTR
ข้อมูลส่วน Click-Through Rate ของโฆษณาให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยทั่วไปถ้า CTR ต่ำ แสดงว่าคนเห็นโฆษณาแต่ไม่อยากคลิก ซึ่งอาจจะต้องปรับปรุงหลายอย่าง เช่น ข้อความบนโฆษณา กลุ่มเป้าหมาย หรือกลยุทธ์โดยรวม
9. ตัวชี้วัดการเข้าชมทั่วไป
ควรรวมข้อมูลเกี่ยวกับ Traffic โดยรวม, Bounce Rate, เวลาที่ใช้บนเพจ หรือตัวชี้วัดการวิเคราะห์ทั่วไปอื่นๆ ที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ จะช่วยให้คุณหรือผู้อ่านตัดสินใจได้ว่าประสิทธิภาพของโฆษณาแบบจ่ายเงินนั้นดีหรือไม่ เมื่อเทียบกับความพยายามทางการตลาดโดยรวม
10. การอธิบาย KPI
ส่วนนี้สามารถใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ การเขียนคำอธิบายสั้นๆ เพื่อนิยามศัพท์เฉพาะหรือเล่าเบื้องหลังข้อมูลจะช่วยให้ผู้อ่านที่ไม่ได้ทำงานด้านนี้เข้าใจได้มากขึ้น
11. Attribution Models
ส่วนนี้ค่อนข้างซับซ้อนและอาจจะไม่จำเป็นเสมอไป แต่ถ้าคุณต้องการเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นของ Customer Journey โดยทั่วไป Attribution Models จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่าแต่ละ Conversion หรือการกระทำนั้นถูกนับอย่างไรและมาจากไหน
12. ข้อมูลเปรียบเทียบรายเดือน
หรือรายสัปดาห์ รายไตรมาส แล้วแต่จะเลือกวิธีติดตามผล ประเด็นสำคัญของการรวมข้อมูลในอดีตแบบนี้คือเพื่อให้มีอะไรเปรียบเทียบ และดูว่ามีการพัฒนาขึ้นหรือเริ่มแย่ลงตรงไหน
เทคนิควิธีทำ PPC Report ที่ดี
วิธีทำ PPC Report ให้มีประสิทธิภาพควรให้ความสำคัญกับปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่
1. ใช้คอลัมน์ที่ปรับแต่งได้
ช่วยประหยัดเวลาในการรายงานครั้งต่อๆ ไป ลองตั้งค่าคอลัมน์ที่คุณใช้บ่อยๆ ให้แสดงข้อมูลที่คุณต้องการเลย จะได้ไม่ต้องมานั่งปรับทุกครั้ง
2. เล่าเรื่องด้วยข้อมูล
อย่าแสดงแค่ตัวเลข แต่ให้อธิบายว่าข้อมูลนั้นหมายถึงอะไร ลองเพิ่มคำอธิบายสั้นๆ ใต้กราฟหรือตาราง บอกว่าทำไมตัวเลขถึงขึ้นหรือลง หรือมีปัจจัยภายนอกอะไรที่ส่งผล เช่น มีการเปลี่ยนแปลงเวลาทำการในช่วงนั้น
3. สรุปประเด็นสำคัญ
ชี้ให้เห็นว่าควรทำอะไรต่อไปจากข้อมูลที่ได้ อาจจะเพิ่มส่วนคำแนะนำ ที่บอกว่าควรทำอะไรต่อไปบ้างจากผลลัพธ์ที่เห็น
4. ทำรายงานอย่างสม่ำเสมอ
อาจเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายไตรมาส แล้วแต่ความเหมาะสม
- รายงานรายสัปดาห์: ช่วยให้คุณปรับแต่งแคมเปญได้เร็ว
- รายงานรายเดือน: ช่วยติดตามความคืบหน้าของเป้าหมาย
- รายงานรายไตรมาส: ช่วยในการวางแผนกลยุทธ์ระยะยาว
5. เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
ช่วยให้คุณรู้ว่าผลงานของคุณเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับคนอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ลองหาข้อมูล Benchmark มาเปรียบเทียบดู เช่น Conversion Rate, ผลงานโฆษณา Facebook หรือ Google Ads
1. ข้อควรระวังในการทำรายงาน PPC การโฟกัสที่ตัวชี้วัดผิด
การทำรายงาน PPC ที่มีประสิทธิภาพนั้นต้องระวังไม่ให้โฟกัสเพียงตัวชี้วัดเดียว เช่น CPA หรือ Conversions แต่ควรพิจารณาตัวชี้วัดสำคัญทั้งหมดที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของแคมเปญ ควรเลือกชุดตัวชี้วัดหลักที่สำคัญที่สุด และยึดตามนั้นในการทำรายงานอย่างสม่ำเสมอ วิธีนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและแนวโน้มที่แท้จริงของแคมเปญในระยะยาว ทำให้สามารถวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญได้
2. ระวังการใช้กราฟที่สร้างความเข้าใจผิด
บางครั้งกราฟอาจทำให้ความต่างดูเยอะกว่าความเป็นจริง ลองเล่นกับการนำเสนอข้อมูลแบบต่างๆ ดู เช่น แทนที่จะใช้กราฟวงกลม ลองใช้ตารางซึ่งอาจเห็นว่าความต่างไม่ได้มากอย่างที่คิด
3. อย่าใช้เวลากับการทำรายงานมากเกินไป
การทำรายงาน PPC มีความสำคัญกจริง แต่ไม่ควรใช้เวลาทั้งสัปดาห์ไปกับมัน ลองหาวิธีทำให้กระบวนการเร็วขึ้น หรือใช้เครื่องมืออัตโนมัติเข้ามาช่วย
เครื่องมือช่วยทำรายงาน PPC
1. รายงานจากแพลตฟอร์มโดยตรง
Google Ads, Facebook Ads, Microsoft Ads, Twitter, และ LinkedIn ต่างก็มีระบบรายงานในตัว ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มยังไง ลองดูรายงานจากในแพลตฟอร์มที่คุณใช้อยู่ก่อนก็ได้
2. Google Data Studio (Looker Studio)
รวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น Google Ads, Google Analytics ใช้งานฟรี และแชร์รายงานให้คนอื่นดูได้
3. Google Analytics
วิเคราะห์ข้อมูลได้ลึกและปรับแต่งได้มาก นอกจากดูผลงานโฆษณาแล้ว ยังดู Organic Traffic และ Social Media ได้ด้วย
4. เครื่องมือจากบริษัทอื่นๆ
เครื่องมือมีให้เลือกมากมาย เช่น SEMRush, Agency Analytics, Reporting Ninja และอื่นๆ แต่ก่อนเลือกใช้ ลองถามตัวเองก่อนว่า เครื่องมือนี้ตอบโจทย์เป้าหมายและความต้องการของเราไหม?
สรุป
สำหรับวิธีทำ ppc reporting ที่มีประสิทธิภาพนั้นเริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการสรุปภาพรวมให้ผู้บริหาร พิสูจน์ ROI หรือติดตามความคืบหน้าของแคมเปญ จากนั้นใช้เทคนิคการรายงานที่ดี เช่น การใช้คอลัมน์ที่ปรับแต่งได้ การเล่าเรื่องด้วยข้อมูล และการทำรายงานอย่างสม่ำเสมอ ขณะเดียวกันก็ต้องระวังจุดพลาดต่างๆ อย่างการดูแค่ตัวชี้วัดเดียวหรือใช้กราฟที่อาจทำให้เข้าใจผิด และถ้ารู้สึกว่าการทำรายงานเองนั้นยาก ก็สามารถใช้เครื่องมือช่วยได้ เช่น Google Data Studio หรือ Google Analytics อย่างไรก็ตาม ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวสำหรับการทำรายงาน PPC ที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นจึงควรทดลองใช้เทคนิคต่างๆ และปรับให้เหมาะกับทีมและธุรกิจของคุณที่สุด
เกี่ยวกับ Relevant Audience
พวกเรา Relevant Audience คือ Digital Performance Marketing Agency ที่เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO และเป็นหนึ่งใน Digital Agency ที่มีบริการด้านการตลาดดิจิทัลครบวงจร เพื่อสนับสนุนธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเวลา สถานที่ และบนอุปกรณ์ที่เหมาะสม (Right Time, Right Place, Right Device)
บริการของเราครอบคลุมทั้งบริการทำ SEO, Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads ไปจนถึง Influencer Marketing และเรายังเป็น SEO Company ที่เป็น Google Partners อีกด้วย โดยทีมของเราล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมให้คำปรึกษาและค้นหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาทำการตลาดออนไลน์
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com