รู้กันหรือไม่ว่า นอกจากการค้นหาข้อมูลบน Search Engine ด้วยข้อความที่ต้องการแล้ว ยังสามารถค้นหาด้วย “รูปภาพ” เพื่อหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพนั้นๆ ได้ด้วย!
ลองนึกภาพตามว่าคุณเป็นบล็อกเกอร์หรือนักการตลาดที่กำลังเขียนบทความลงในเว็บไซต์ และมีความจำเป็นต้องใช้รูปภาพประกอบเพื่อเพิ่มมิติในเนื้อหาบทความนั้น แน่นอนว่าการนำรูปภาพของคนอื่นมาใช้ในทางจรรยาบรรณนั้นจำเป็นต้องมีการอ้างอิงหรือให้ Credit เสมอ คำถามคือ “จะรู้ได้อย่างไรว่ารูปภาพนี้มีต้นทางจากที่ไหน หรือใครเป็นต้นฉบับ?” หรือแม้แต่เรื่องของปัญหาพบเจอข่าวปลอม (Fake News) ที่นับวันยิ่งมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสร้างความสับสน ตื่นตระหนกและวิตกกังวลให้กับผู้คนทั่วไป การค้นหาต้นตอข้อเท็จจริงจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ ในบทความนี้จะมาแนะนำเทคนิคที่เรียกว่า Reverse Image Search ที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้กัน รับประกันได้เลยว่าอ่านจบปุ๊บ นำไปใช้งานจริงได้ทันที
Reverse Image Search คืออะไร?
“Reverse Image Search” หรือเรียกง่ายๆ ว่า ”การค้นหาภาพย้อนกลับ” ไม่ได้มีความซับซ้อนอย่างที่ใครหลายคนคิดแน่นอน เพราะแทนที่จะค้นหาข้อมูลด้วยการใช้ข้อความหรือคีย์เวิร์ดด้วยการพิมพ์ปกติก็เปลี่ยนไปใช้รูปภาพในการค้นหาแทน เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
- ขนาดของรูปภาพ
- คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพนั้น
- ลิสต์รายการของลิงก์ต่างๆ ที่ปรากฏรูปภาพนั้น
- ภาพอื่นๆ ที่มีความคล้ายคลึงกัน
จากประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้จะทำให้ผู้ค้นหาสามารถสำรวจข้อมูลเชิงลึกของรูปภาพได้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในหลายสถานการณ์
ทำไมถึงต้องใช้ Reverse Image Search
การใช้เทคนิค Reverse Image Search นี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้รู้สึกสนุกที่ได้เล่นเป็นนักสืบโซเชียลเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ในสถานการณ์อื่นๆ อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อ
- ค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรูปภาพนั้น (ตรวจสอบเฟคนิวส์)
- ติดตามการละเมิดสิทธิ์ของรูปภาพ ในกรณีที่คุณเป็นเจ้าของภาพ
- ค้นหาแหล่งอ้างอิงของรูปภาพ ในกรณีที่ต้องการนำไปใช้ในบทความของคุณ
ในบางครั้งการค้นหารูปภาพอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่หวังเอาไว้ เนื่องจากอาจมีสาเหตุจากเว็บไซต์ต้นทางของภาพนั้น อาจมีการตั้งค่าโครงสร้างเว็บไซต์ป้องกันไม่ให้อัลกอริทึมของกูเกิลจัดทำ Indexing รูปภาพลงในฐานข้อมูล ฉะนั้นต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกรูปบน Search Engine ที่จะสามารถตรวจสอบได้
วิธีการค้นหารูปภาพด้วย Reverse Image Search
ในปัจจุบันมีเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ ของรูปภาพเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตามแต่ละสถานการณ์ที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาบน Search Engine ต่างๆ อย่าง Google, Bing, Yandex หรือจะใช้เครื่องมือที่ถูกออกแบบมาสำหรับ Reverse Image Search โดยเฉพาะอย่าง TinEye ก็ได้ทั้งนั้น
ต่อไปนี้จะเป็นคำแนะนำที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหารูปภาพด้วยเทคนิค Reverse Image Search บนเครื่องมือในปัจจุบัน (รวมคอมพิวเตอร์และบนโทรศัพท์มือถือ) ไม่ว่าจะเป็น
- Bing
- Yandex
- TinEye
Google Search (บนคอมพิวเตอร์
- เปิด Google บนเบราว์เซอร์ การค้นหารูปภาพแบบ Reverse Image Search บน Google Search นั้นสามารถใช้ได้กับเบราวเซอร์ Safari, Firefox และ Chrome เท่านั้น เมื่อเปิดแล้วให้ไปที่ Google Image
- อัปโหลดรูปภาพ หากมีภาพที่ต้องการค้นหาบนเดสก์ท็อปแล้ว ก็ให้ไปที่ Google Image จากนั้นคลิกที่ไอคอนรูปกล้อง อัปโหลดรูปภาพที่ต้องการค้นหาลงไป (ค้นหาได้ครั้งละ 1 ภาพ เท่านั้น)
- หรือในกรณีที่ไม่ได้มีรูปภาพอยู่ในเดสก์ท็อป สามารถคลิกที่ไอคอนกล้องเพื่อวางลิงก์ URL ของภาพนั้นได้เช่นกัน
- เมื่ออัปโหลดรูปภาพหรือลิงก์ URL ของรูปภาพที่ต้องการแล้ว ให้คลิก “Search by Image” เท่านี้ก็ถึงเวลาที่จะตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของภาพนั้นได้ตามต้องการแล้ว
Google Search (แอปฯ Chrome บนโทรศัพท์มือถือ )
หากใครไม่สะดวกที่จะใช้งานคอมพิวเตอร์ค้นหา การใช้แอปฯ Chrome บนโทรศัพท์มือถือก็สามารถทำได้แล้วเช่นกัน เริ่มจาก
- เปิด Google Image บนแอปฯ Chrome บนโทรศัพท์มือถือ
- ค้นหารูปภาพที่ต้องการทำ Reverse Image Search
- จากนั้นให้แตะที่รูปภาพค้างว้างจนมีเมนูขึ้นมาให้เลือก คลิกที่ “Search Google for This Image”
- จากนั้นจะมีหน้าต่างข้อมูลการค้นหาเพิ่มขึ้นมา ซึ่งจะแสดงข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ของรูปภาพเป็นอันเสร็จสิ้น
Google Search (เว็บเบราว์เซอร์บนโทรศัพท์มือถือ)
ในกรณีที่บนโทรศัพท์มือถือไม่ได้โหลดแอปฯ Chrome ไว้ ก็สามารถค้นหารูปภาพแบบ Reverse Image Search บนเว็บเบราว์เซอร์ได้เช่นกัน เริ่มจาก
- เปิด Google Image บนเว็บเบราว์เซอร์ในกรณีใครที่ใช้ iPhone ก็คือ Safari
- ต่อมาข้อสำคัญคือต้องเปลี่ยนมุมมองเป็นแบบ Desktop View โดยมีวิธีการดังนี้ คลิกที่ไอคอน “AA” ในมุมบนซ้าย จากนั้นให้เลือกเมนู (Request Desktop Website)
- อัปโหลดรูปภาพ จากนั้นก็ทำเหมือนกับการค้นหาบนเดสก์ท็อป คลิกไปที่ไอคอนกล้องเพื่ออัปโหลดรูปภาพหรือวางลิงก์ URL รูปภาพที่ต้องการลงไป
- เพียงเท่านี้ก็จะแสดงผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพนั้น ให้ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ได้ทันที
Bing
สำหรับใครที่ใช้ Bing ในการค้นหาข้อมูลเป็นหลัก เพียงคลิกไปที่ Bing Image ในหน้าโฮมเพจ จากนั้นให้เลือกไอคอน “Search Using an Image”
จากนั้นให้เลือกรูปภาพที่ต้องการค้นหา โดยเลือกอัปโหลดผ่านไฟล์ในเดสก์ท็อป หรือจะเป็นลิงก์ URL ของรูปภาพนั้นก็ได้เช่นกัน
ข้อแตกต่างระหว่าง Bing และ Google คือ Bing สามารถเลือกรูปภาพมากกว่าหนึ่งภาพภายในการค้นหาครั้งเดียวได้
Yandex
สำหรับใครที่ใช้ Yandex ในการค้นหาข้อมูล (คนไทยอาจไม่ค่อยคุ้นกันสักเท่าไหร่) วิธีการก็คล้ายกับ Search Engine อื่นๆ คือไปที่ Yandex Images
จากนั้นคลิกที่ไอคอนกล้อง เพื่ออัปโหลดรูปภาพหรือลิงก์ URL
เพียงเท่านี้ก็จะสามารถค้นหาข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ของรูปภาพที่ต้องการได้ โดยจะมีหน้าต่างแสดงผลการค้นหาแบบนี้ขึ้นมา เป็นอันถูกต้อง
TinEye
นอกจาก Search Engine ทั่วไปที่ใช้ค้นหาข้อมูลแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรูปภาพโดยเฉพาะอย่าง TinEye ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งบนเดสก์ท้อปและโทรศัพท์มือถือ โดยมีวิธีการใช้งานที่ง่าย เพียงแค่เข้าไปที่เว็บไซต์ tineye.com และอัปโหลดรูปภาพหรือใส่ลิงก์ URL ของไฟล์รูปที่ต้องการตรวจสอบ
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ฟิลเตอร์เพื่อกรองข้อมูลที่ต้องการให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com