หนึ่งในสิ่งที่นักการตลาดที่ดีไม่ควรลืมหรือละเลยเมื่อเริ่มต้นการทำการตลาดออนไลน์บน Search Engine นั่นคือการทำ Competitor Keyword Analysis หรือการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของคู่แข่งขันทางการตลาด หลายคนคงทราบดีว่าหากมี Keyword ดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง โอกาสที่จะจูงใจให้ลูกค้าเข้ามาเลือกใช้บริการหรือซื้อสินค้าต่างๆ ก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการรู้จักคู่แข่งก็จะเท่ากับว่าจะสามารถเตรียมความพร้อมในการวางแผนเพื่อเอาชนะคู่แข่งได้อย่างแม่นยำขึ้น
ในปัจจุบัน มีคีย์เวิร์ดนับร้อยและเครื่องมือนับล้านที่ถูกออกแบบมาให้นักการตลาดเลือกใช้ เชื่อได้เลยว่าหากใครที่เป็นมือใหม่แล้วกำลังเริ่มต้นการทำ Competitor Keyword Analysis รับรองว่ามีกุมขมับแน่นอน ฉะนั้นในบทความนี้จะมาแนะนำเกี่ยวกับการทำ Competitor Keyword Analysis แบบฉบับกะทัดรัด เข้าใจง่ายได้ไม่ยาก รับรองว่าอ่านจบได้ภายใน 5 นาที ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย
Competitor Keyword Analysis คืออะไร?
Competitor Keyword Analysis คือกระบวนการในการค้นหาคีย์เวิร์ดของคู่แข่งที่กำลังติดอันดับในหน้า SERPs เพื่อให้รู้ว่าคู่แข่งมีคีย์เวิร์ดอะไรบ้าง ก็จะสามารถลงมือขยับ Rank ให้สูงขึ้นได้เพื่อให้ธุรกิจมีขีดความสามารถที่เหนือกว่าคู่แข่งนั่นเอง
เริ่มต้นการทำ Competitor Keyword Analysis
ใครที่กำลังตามหา Golden Keyword ที่จะเป็นตัวช่วยดันอันดับเว็บไซต์อยู่ ลองทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้รับรองว่าได้ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงแน่นอน
1. ทำความเข้าใจว่าลูกค้าของคุณค้นหาอะไร?
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยที่สุดที่นักการตลาดมือใหม่ที่กำลังเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์ในรูปแบบ SEO และ PPC คือการเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่มีปริมาณ Volume ที่สูงๆ เข้าไว้ แต่ในความเป็นจริงนั้น Keyword ที่มี Volume สูงไม่ได้หมายความว่าจะเพิ่ม Leads และ Conversions เสมอไป
ตัวอย่างเช่น การใช้คีย์เวิร์ด “Content Marketing” อาจมีปริมาณการค้นหารายเดือนมากถึง 14,000 Volume และเว็บไซต์มีปริมาณการรับชมเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้น แต่กลับไม่มีผู้รับชมคนใดที่กลายมาเป็นลูกค้าจริงๆ เพราะต้องเข้าใจว่าผู้คนส่วนมากเพียงแค่พยายามค้นหาว่าอะไรคือ “Content Marketing” เท่านั้น ไม่ได้ต้องการบริการช่วยเหลือด้านการทำ Marketing แต่อย่างใด จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะพยายามทำความเข้าใจเบื้องหลังการค้นหาของลูกค้าเสมอ ไม่ว่าจะเป็น
- คำถามที่พวกเขาถามคืออะไร?
- ปัญหาที่พวกเขาเจอคืออะไร?
- อะไรคือเป้าหมายของพวกเขา
- เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดถึง
หากทำความเข้าใจเบื้องลึกของการค้นหาแล้ว รับรองว่าการเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสมจะช่วยให้เว็บไซต์ได้ลูกค้าจริงๆ แบบไม่จกตาแน่นอน นอกจากนี้การทำ Keyword Mapping ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่นักการตลาดมือใหม่ควรศึกษา (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่)
2. กำหนดคู่แข่ง 3 อันดับแรก
ลองใช้เวลา 10 วินาทีเพื่อนึกถึงชื่อธุรกิจที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนดูหน่อย…. แน่นอนว่าไม่มี ดังนั้นในการเริ่มต้นการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของคู่แข่ง ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดนั่นคือการเริ่มต้นกำหนดคู่แข่ง มีสองเหตุผลว่าทำไมถึงแนะนำให้มองหาคู่แข่ง 3 อันดับแรกเท่านั้น นั่นคือ
- ไม่มีใครที่มีเวลามากพอในการทำ Competitor Keyword Analysis กับธุรกิจที่มีคู่แข่งจำนวนมาก
- ฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือการมองคู่แข่งที่มีความใกล้เคียงที่สุด 3 อันดับแรก
โดยในการเลือกคู่แข่ง 3 อันดับแรกนั้น ขึ้นอยู่กับ
- คู่แข่งที่มีฐานลูกค้าเดียวกัน
- มีความคล้ายกับธุรกิจของคุณมากที่สุด (ในแง่ของสินค้าหรือการให้บริการ)
- อยู่ในใจมากที่สุด (หลับตาแล้วนึกชื่อออกทันที)
3. เลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม
หนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้แผนการตลาดออนไลน์รุ่งหรือร่วง นั่นคือการเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับการทำงาน ฉะนั้นการเลือกใช้เครื่องมือวิเคราะห์สำหรับการทำ Competitor Keyword Analysis ด้วยการเลือกจากเครื่องมือที่มีความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้งาน ก็จะมีโอกาสการเข้าถึงข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้น อย่าง Google Keyword Planner ที่เป็นเครื่องมือที่กูเกิลพัฒนาขึ้นมาเอง เหมาะสำหรับการค้นหาข้อมูลคู่แข่งเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้น หรืออาจเป็น SimilarWeb ที่มีฟีเจอร์แสดงข้อมูลแบบละเอียดมากขึ้น หรือ Ahref ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือการวิเคราะห์ SEO ที่โดดเด่นที่สุดตัวหนึ่งในตลาดตอนนี้ เป็นต้น
4. เริ่มต้นวิเคราะห์คู่แข่ง
เมื่อกำหนดคู่แข่ง 3 อันดับแรกและเลือกเครื่องมือได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มต้นนำลิงก์ URL ของคู่แข่งที่ถูกเลือกไว้มาเริ่มการวิเคราะห์ โดยปกติเครื่องมือส่วนใหญ่จะมีฟีเจอร์ “Site Explorer” อย่างใน Ahrefs นักการตลาดก็จะสามารถใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อเรียกดูกลุ่มรีพอร์ตที่ใช้วิเคราะห์เกี่ยวกับเว็บไซต์ที่สนใจได้ โดยในกลุ่มรีพอร์ตนี้จะถูกจัดกลุ่มเป็นหัวข้อต่างๆ เช่น Backlink Profile ที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Backlink ของเว็บไซต์นั้นๆ หรือ Organic Search ที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Organic Keyword เป็นต้น
หรืออีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของคู่แข่งบน Ahrefs คือ ฟีเจอร์ “Content Gap Analysis” ที่จะเป็นเครื่องมือในการช่วยค้นหาคีย์เวิร์ดของคู่แข่งติดอันดับ SEO ซึ่งในกรณีที่เว็บไซต์ของเรายังไม่ติดอันดับก็สามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ต่อได้ทันที
5. ถึงเวลาหา Golden Keyword คีย์เวิร์ดไข่ทองคำ
ไม่ว่าคุณจะใช้เครื่องมือใด สิ่งสำคัญคือการระบุคีย์เวิร์ดที่ติดอันดับของคู่แข่ง หรือที่เรียกว่า Golden Keyword โดยคีย์เวิร์ดนี้จะต้อง
- สร้างฐานลูกค้าได้จริง (ไม่ใช่แค่เข้ามาแล้วกดออกไป)
- สามารถนำมาปรับใช้กับการทำ On-Page SEO ให้เว็บไซต์ดีขึ้นกว่าคู่แข่ง
- มี Search Volume ที่คุ้มค่าพอจะลงทุน
ท้ายที่สุดอย่าลืมว่าคุณรู้สูตรนี้ก็จริง แต่คู่แข่งคุณก็รู้เช่นกัน ดังนั้นใครที่ยังลังเลรีบไปทำตามขั้นตอนข้างต้นทันที ใครทำก่อนก็ย่อมได้เปรียบกว่า
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com