นอกเหนือจากการทำความเข้าใจข้อกำหนดใหม่ในการสร้างรายได้บน YouTube ผ่านการเป็น YouTube Partner Program หรือ YPP แล้ว (สิ่งที่ต้องรู้สำหรับ YouTube Partner Program ในปี 2023) อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นหลักสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้เลย หากใครที่ต้องการสร้างรายได้เพิ่มเติมบนแพลตฟอร์ม YouTube คือการเชื่อมโยงบัญชีเข้ากับ YouTube AdSense สำหรับใครที่คุ้นเคยกับการใช้งาน Google AdSense กันดีอยู่แล้วก็อาจจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ใครที่เป็นมือใหม่ ในบทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลพื้นฐานมาให้ได้รู้ไปพร้อมกัน ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูรายละเอียดกันเลย
YouTube AdSense คืออะไร?
ก่อนจะรู้ว่า YouTube AdSense คืออะไร? เราจะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Google AdSense กันก่อน โดยนับเป็นเครื่องมือที่กูเกิลออกแบบมาให้เป็นแพลตฟอร์มในการเข้ามาช่วยจัดการการสร้างรายได้จากเนื้อหาคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านโฆษณาที่มีรูปแบบแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นแบนเนอร์ รูปภาพ วิดีโอ ข้อความ รวมถึงโฆษณาต่างๆ บนแพลตฟอร์ม YouTube เช่นกัน ทำให้เมื่อต้นปี 2022 ที่ผ่านมา Google ตัดสินใจเปิดตัวหน้าแสดงรายได้จากยูทูปหรือที่เรียกว่า YouTube AdSense แบบใหม่ โดยนำเอาออกมาจาก Google AdSense และถือเป็นเครื่องมือแบบ Stand Alone อย่างเต็มรูปแบบ
โดย YouTube AdSense ถือเป็นแพลตฟอร์มที่คล้ายกับ Google AdSense คือช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าถึงยอดสรุปรายได้ต่างๆ เพื่อสร้างรายได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น และจะเป็นการแยกการรับรายได้ออกจากโฆษณาบนเว็บไซต์ทั่วไปและบน YouTube ทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบสำหรับผู้ใช้งานที่มีการสร้างรายได้ผ่านทั้งสองช่องทางนั่นเอง
ประเภทโฆษณาบน YouTube
สำหรับมือใหม่แล้วเรื่องพื้นฐานที่ควรรู้สำหรับโฆษณาบน YouTube คือต้องรู้ว่าในแพลตฟอร์ม YouTube คุณสามารถที่จะตั้งค่าพื้นที่วางโฆษณาหรือ Ad Placement ได้ มีตัวเลือกดังนี้
- Pre-Roll – โฆษณาที่ปรากฏก่อนเริ่มเล่นวิดีโอ
- Mid-Roll – โฆษณาคั่นกลางระหว่างวิดีโอ
- Post-roll – โฆษณาปิดท้ายวิดีโอ
โดยแบ่งรูปแบบโฆษณาต่างๆ ได้ดังนี้
- Skippable Video Ads – เป็นรูปแบบโฆษณาที่ผู้ดูสามารถกด Skip หรือกดข้ามได้ โดยเมื่อผู้ชมเปิดวิดีโอคอนเทนต์ขึ้นมา ก็จะมีโฆษณาประเภทนี้เด้งขึ้นมา ถ้าหากไม่ต้องการชมต่อ ก็จะสามารถกดข้ามได้ โดยจะมีตัวเลือกขึ้นมาเมื่อโฆษณาเล่นไปแล้ว 5 วินาที
- Non-Skippable Video Ads – เป็นรูปแบบโฆษณาที่ผู้ดูไม่สามารถกด Skip หรือไม่สามารถกดข้ามได้ โดยความยาวของโฆษณาจะกินเวลา 15 วินาที
- Bumper Ads – เป็นรูปแบบโฆษณายอดฮิตที่หลายคนน่าจะเจอกันบ่อยสุด คือจะเป็นโฆษณาวิดีโอสั้นๆ ไม่เกิน 6 วินาที แต่ผู้ดูไม่สามารถกด Skip หรือกดข้ามได้
- Overlay Ads – เป็นโฆษณาในรูปแบบแบนเนอร์ด้านล่างของวิดีโอ
- Display Ads – เป็นโฆษณาที่แสดงด้านขวามือในส่วนของวิดีโอแนะนำ
วิธีการเข้าใช้งาน YouTube AdSense
สำหรับเกณฑ์พื้นฐานในการที่จะสร้างรายได้บน YouTube มีดังนี้
- แชนแนลที่ต้องการสร้างรายได้ต้องไม่ละเมิดข้อกำหนด Community Strike
- มี 1,000 Subscribers
- มี Watch Time 4,000 ชั่วโมง
- มีบัญชี Google Account และ Google AdSense Account
- ผ่านเกณฑ์ YouTube Partner Program
หากมีครบแล้วก็สามารถทำการสมัครบัญชี YouTube AdSense บน YouTube Studio และรอให้ระบบตรวจสอบให้เรียบร้อยเป็นอันเสร็จสิ้น
ทิ้งท้าย
สำหรับนักการตลาดหรือแบรนด์ที่มองหาช่องทางในการสร้างรายได้เพิ่มเติม YouTube AdSense นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยในเรื่องนี้ได้ สำหรับใครที่มีประสบการณ์การใช้งาน Google AdSense มาก่อนอาจจะมีข้อได้เปรียบอยู่บ้าง หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เข้าใจวิธีการสร้างรายได้เพิ่มเติมสำหรับวิดีโอคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม YouTube กันมากขึ้น ใครที่ยังไม่เคยรู้มาก่อนก็สามารถลองไปปรับใช้ได้เลย
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com