คอนเทนต์ตามกระแส หรือเทรนด์เป็นรูปแบบการนำเสนอเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในโลกดิจิทัล เนื่องจากมักสร้างการมีส่วนร่วม และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักการตลาดและคอนเทนต์ครีเอเตอร์นิยมใช้เพื่อค้นหาและติดตามกระแส คือ Google Trends ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่า Google Trends คืออะไร และจะนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างคอนเทนต์อย่างไรให้ตอบโจทย์การทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเจาะลึกเทคนิคการใช้เทรนด์เพื่อยกระดับกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ
Google Trends คืออะไร และทำไมถึงสำคัญสำหรับกลยุทธ์ SEO
Google Trends เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเห็นความนิยมของคำค้นหาต่างๆ บน Google ตลอดช่วงเวลา โดยเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่าสำหรับนักการตลาดดิจิทัลและเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เพราะช่วยให้เข้าใจว่าผู้คนกำลังค้นหาอะไร กำลังสนใจอะไร และเมื่อไหร่ที่หัวข้อต่างๆ ได้รับความสนใจมากที่สุด
โดยการใช้ Google Trends ในกลยุทธ์ SEO มีประโยชน์หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยวางแผนการสร้างคอนเทนต์ รวมถึงช่วยเพิ่มการรับรู้แบรนด์และประสิทธิภาพการค้นหาได้อย่างมาก โดยเพียงทำให้เนื้อหาสอดคล้องกับสิ่งที่ผู้คนกำลังสนใจในขณะนั้น
วิธีใช้ Trends เพื่อปรับกลยุทธ์ SEO
1. สร้างเนื้อหาที่ทันสมัยและเกี่ยวข้องกับเทรนด์ในช่วงที่กำลังมาแรง
การทำคอนเทนต์ตาม Keyword ที่มีการค้นหาสูงมักมีการแข่งขันที่สูงตามมาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การประยุกต์ใช้ Google Trends จะช่วยให้สามารถค้นพบประเด็นที่กำลังได้รับความนิยม แต่ยังไม่มีการแข่งขันที่สูงมากนัก แม้ว่าวิธีการนี้จะต้องอาศัยความทุ่มเทและความพยายามมากกว่า แต่ก็เปิดโอกาสที่ดีกว่าในการสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีความโดดเด่นและแตกต่าง โดยมีวิธีที่สามารถทำได้ง่ายดังนี้
- ใช้ Google Trends ร่วมกับเครื่องมืออื่นๆ เช่น Glimpse หรือ Exploding Topics เพื่อระบุเทรนด์ที่กำลังมาแรงและมีแนวโน้มที่ดี
- เมื่อพบเทรนด์ที่น่าสนใจ ให้สร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
- พิจารณาสร้างเนื้อหาในรูปแบบต่างๆ เช่น วิดีโอ บล็อก หรืออินโฟกราฟิก ตามความเหมาะสมกับรูปแบบคอนเทนต์
2. ปรับปรุงเนื้อหาที่มีอยู่ด้วย Keyword ที่กำลังเป็นเทรนด์
Google Trends สามารถช่วยค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่มีอยู่แล้ว หรือที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งการปรับปรุงเนื้อหาเดิมด้วย Keyword เหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มในการทำเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถทำได้ดังนี้
- ใช้ Google Trends หรือเครื่องมืออื่นๆ หา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาและกำลังเป็นที่นิยม
- ปรับปรุงเนื้อหาเดิมโดยใช้ Keyword ใหม่ที่ค้นพบนี้เข้าไป เช่น ในหัวข้อหลักหรือหัวข้อย่อย
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Keyword ใหม่มีศักยภาพในการเข้าถึงผู้ชมมากกว่า Keyword เดิม
3. วางแผนเนื้อหาสำหรับเทรนด์ที่เกิดขึ้นซ้ำ
แนวทางนี้เน้นการใช้ข้อมูลในอดีตเพื่อคาดการณ์เทรนด์ที่จะเกิดขึ้นซ้ำในช่วงเวลาเฉพาะของปี เช่น ช่วงเทศกาลต่างๆ ซึ่งต่างจากสองวิธีแรกที่เน้นการทำอย่างรวดเร็ว วิธีนี้เป็นการวางแผนล่วงหน้าอย่างมีกลยุทธ์ โดยสามารถวางทำตามขั้นตอนได้ดังนี้
- วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ศึกษาข้อมูลการเข้าชมในอดีตและช่วงเวลาที่มีการมีส่วนร่วมสูง
- ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เทรนด์ ค้นหารูปแบบของเทรนด์ที่เกิดขึ้นซ้ำและช่วงเวลาที่เกิดขึ้น
- ตั้งค่าการแจ้งเตือน กำหนดเกณฑ์การเติบโต เช่น เปอร์เซ็นต์การเติบโตรายปี เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อเทรนด์เริ่มปรากฏ
- เตรียมเนื้อหาล่วงหน้า โดยสร้างเนื้อหาให้พร้อมก่อนที่เทรนด์จะถึงจุดที่เป็นกระแสสูงสุด
4. ใช้เทรนด์สำหรับกิจกรรมการตลาดที่กว้างขึ้น
การสร้างคอนเทนต์จากเทรนด์ที่เป็นกระแสสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการตลาดได้หลากหลาย โดยเฉพาะในด้าน PR ดิจิทัลและการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ โดยการใช้เทรนด์อย่างมีกลยุทธ์ช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ สร้างเครือข่าย และเพิ่มยอดขายผ่านได้
โดยสามารถเริ่มต้นจากการวิเคราะห์เทรนด์ด้วยเครื่องมือที่หลากหลาย แล้วนำข้อมูลมาสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สอดคล้องกับเทรนด์ และสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับคอนเทนต์ได้โดยการนำเสนอข้อมูลเชิงลึก ใส่ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ หรือการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ที่มีภาพลักษณ์สอดคล้องกับแบรนด์ นอกจากนี้ การใช้ Keyword และ Hashtag อย่างชาญฉลาดจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมในโลกออนไลน์ได้สูงเช่นกัน
5. สร้างและขับเคลื่อนเทรนด์
แบรนด์สามารถใช้ข้อมูลเทรนด์ระดับหมวดหมู่หรือชนิดกลุ่มของสินค้า เพื่อสร้างเทรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์หรือเชื่อมโยงกับแบรนด์ได้ โดยวิธีนี้เป็นที่นิยมในวงการเครื่องสำอางและแฟชั่น ซึ่งจะสร้างเทรนด์ใหม่หรือต่อยอดจากเทรนด์ที่มีอยู่แล้ว โดยเมื่อแบรนด์สร้างเทรนด์ได้สำเร็จ คู่แข่งจะเลียนแบบได้ยาก
การสร้างเทรนด์สามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยเริ่มจากการมีส่วนร่วมบนออนไลน์คอมมูนิตี้ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมที่ให้ความรู้และสร้างความน่าสนใจ เช่น การ Live บนโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ การทำคอนเทนต์ UGC ก็เป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเทรนด์ และสุดท้ายแบรนด์อาจพิจารณานำเทรนด์ที่กำลังเติบโตบนแพลตฟอร์มหนึ่งไปขยายผลบนอีกแพลตฟอร์มหนึ่ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างกระแสและการรับรู้ในวงกว้าง
สรุป
บทความนี้ได้ตอบคำถามว่า Google trends คืออะไร พร้อมชี้ให้ว่า การใช้ Google Trends ในกลยุทธ์ SEO สามารถช่วยให้สร้างเนื้อหาที่ทันสมัย น่าสนใจ และตรงกับความต้องการของผู้ชมได้ดียิ่งขึ้น โดยไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อหาใหม่ การปรับปรุงเนื้อหาเดิม หรือการวางแผนสำหรับเทรนด์ในอนาคต Google Trends ถือเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการทำให้กลยุทธ์ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการใช้ Google Trends อย่างชาญฉลาดสามารถช่วยให้แบรนด์โดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูง แทนที่จะทำตามกลยุทธ์เดิมๆ เหมือนคู่แข่ง สามารถเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและสร้างการเชื่อมต่อที่แท้จริงกับชุมชนของคุณได้ ด้วยการผสมผสานเทรนด์เข้ากับกลยุทธ์ SEO โดยไม่เพียงแต่จะปรับปรุงการจัดอันดับเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและน่าสนใจสำหรับผู้ชมได้อีกด้วย
เกี่ยวกับ Relevant Audience
พวกเรา Relevant Audience คือ Digital Performance Marketing Agency ที่เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO และเป็นหนึ่งใน Digital Agency ที่มีบริการด้านการตลาดดิจิทัลครบวงจร เพื่อสนับสนุนธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเวลา สถานที่ และบนอุปกรณ์ที่เหมาะสม (Right Time, Right Place, Right Device)
บริการของเราครอบคลุมทั้งบริการทำ SEO, Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads ไปจนถึง Influencer Marketing และเรายังเป็น SEO Company ที่เป็น Google Partners อีกด้วย โดยทีมของเราล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมให้คำปรึกษาและค้นหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาทำการตลาดออนไลน์
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com