ในช่วงต้นปี 2024 ที่ผ่านมา วงการ SEO และการตลาดดิจิทัลได้พบกับความตื่นเต้นในรูปแบบของการเปิดเผยเอกสารภายในของ Google ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการทำงานของ Google Search Algorithm โดยเอกสารที่หลุดออกมาเหล่านี้เผยให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเนื้อหา ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่ นักทำ SEO และ Google Search อยากรู้เป็นที่สุด!
เหตุการณ์ “รั่วไหล” ของเอกสาร Google Search
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2024 เอกสารภายในจำนวนมากที่มาจาก Content API Warehouse ของ Google ถูกเผยแพร่บน Github โดยบอทอัตโนมัติ (Automated Bot) ชื่อ “yoshi-code-bot” โดยเอกสารเหล่านี้ถูกแชร์ให้กับ Rand Fishkin ผู้ร่วมก่อตั้ง SparkToro และ Michael King ซีอีโอของ iPullRank ซึ่งทั้งสองได้ทำการวิเคราะห์และแบ่งปันข้อมูลสำคัญจากเอกสารดังกล่าว
Google Algorithm คืออะไร?
สำหรับมือใหม่ในวงการ SEO ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Google Algorithm คือ กฎเกณฑ์และขั้นตอนที่ Google ใช้ในการประมวลผลและจัดอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหา ซึ่งอัลกอริทึมนี้จะพิจารณาปัจจัยหลายร้อยปัจจัยเพื่อกำหนดว่าเว็บไซต์ใดควรปรากฏในตำแหน่งใดของหน้าผลการค้นหา (SERPs) นั่นเอง แน่นอนว่า การได้รู้ถึง Algorithm ต่างๆ ที่ Google ใช้งานจะช่วยให้นักทำ SEO และธุรกิจสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ของตัวเองให้ตรงตามที่ Google ต้องการ เพื่อเพิ่มอันดับ Ranking ให้สูงขึ้นนั่นเอง
พอรู้แบบนี้แล้ว มาดูต่อกันเลยว่า เอกสารที่หลุดออกมาได้บอกอะไรกับเราบ้าง
สิ่งที่เราได้รู้จากเอกสารที่รั่วไหลของ Google
1. โมดูลการจัดอันดับ
เอกสารเผยให้เห็นว่ามีโมดูลการจัดอันดับ 2,596 โมดูล และมีคุณลักษณะมากถึง 14,014 รายการ
2. Twiddlers
นี่คือฟังก์ชันการจัดอันดับใหม่ (Re-Ranking Function) ที่สามารถปรับคะแนนการค้นคืนข้อมูลของเว็บไซต์หรือเปลี่ยนอันดับของเว็บไซต์ได้
3. กฎเกณฑ์การลดอันดับ
เนื้อหาของเว็บไซต์อาจถูกลดอันดับด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น ลิงก์ไม่ตรงกับเว็บไซต์เป้าหมาย, SERP Signals แสดงถึงความไม่พอใจของผู้ใช้งาน การรีวิวผลิตภัณฑ์ ตำแหน่งที่ตั้งที่ไม่ตรงกับผู้ใช้งาน หรือมีเนื้อหาลามกอนาจารบนเว็บไซต์
4. ประวัติการเปลี่ยนแปลง
เอกสารได้เผยว่า Google ทำการเก็บสำเนาทุกเวอร์ชันของเว็บไซต์ทุกหน้าที่เคย Index ไว้ แต่จะใช้เพียงการเปลี่ยนแปลง 20 ครั้งล่าสุดของ URL นั้นๆ ในการวิเคราะห์ลิงก์
Google Search Algorithm: ปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับ
- ลิงก์ยังคงมีความสำคัญ: ความหลากหลายและความเกี่ยวข้องของลิงก์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ และ PageRank ยังคงมีบทบาทสำคัญในการจัดอันดับ
- การคลิกเข้าเว็บไซต์มีความสำคัญ: Google ใช้การวัดการคลิกเข้าเว็บไซต์หลายรูปแบบ เช่น badClicks, goodClicks, lastLongestClicks และ unsquashedClicks ในการวัดผลเว็บไซต์
- ชื่อแบรนด์: การสร้างแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมนอกเหนือจาก Google Search อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการปรับปรุงอันดับการค้นหาแบบออร์แกนิก
- Entities มีความสำคัญ: Google เก็บข้อมูลผู้เขียนที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาและพยายามกำหนดว่า Entity นั้นเป็นผู้เขียนเอกสารหรือไม่
- SiteAuthority: Google ใช้สิ่งที่เรียกว่า “siteAuthority” ซึ่งมาพร้อมอัปเดต Panda ในปี 2011 ซึ่งอาจส่งผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์โดยรวม ทั้งนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Google ก็ได้ปฏิเสธถึงการใช้งาน Webiste Authority Score
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Google Algorithm
- ข้อมูลจาก Chrome: โมดูลชื่อ ChromeInTotal บ่งชี้ว่า Google ใช้ข้อมูลจากเบราว์เซอร์ Chrome ในการจัดอันดับ
- Whitelists: Google มีรายการยกเว้นสำหรับโดเมนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งและ COVID
- เว็บไซต์ขนาดเล็ก: มีคุณลักษณะชื่อ smallPersonalSite สำหรับเว็บไซต์หรือบล็อกส่วนตัวขนาดเล็ก ซึ่ง Google อาจเลือกที่จะเพิ่มอันดับเว็บไซต์เหล่านี้ผ่าน Twiddler
- ความสดใหม่ของเนื้อหามีความสำคัญ: Google ดูวันที่ในบรรทัดผู้เขียน (bylineDate), URL (syntacticDate) และเนื้อหาในหน้า (semanticDate)
- หัวข้อหลักของเว็บไซต์: Google เปรียบเทียบ Embeddings ของหน้า (siteRadius) กับ Embeddings ของเว็บไซต์ (siteFocusScore) เพื่อกำหนดว่าเนื้อหาที่กำลังวิเคราะห์เป็นเนื้อหาหลักของเว็บไซต์หรือไม่
- ความสำคัญของ Page Title: Google มีคุณลักษณะชื่อ titlematchScore ที่เชื่อว่าเป็นตัวชี้วัดว่าชื่อหน้า (Page Title) ตรงกับคำค้นหามากน้อยแค่ไหน
ผลกระทบต่อนักการตลาดดิจิทัลและนัก SEO
การเปิดเผยข้อมูลนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อวิธีการที่นักการตลาดดิจิทัลและนัก SEO วางแผนกลยุทธ์ของตน ด้วยความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับการทำงานของ Google Search Algorithm นักการตลาดสามารถปรับแต่งกลยุทธ์ของตนให้สอดคล้องกับปัจจัยที่ Google ให้ความสำคัญได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึง คือ เอกสารเหล่านี้ไม่ได้ระบุว่าปัจจัยต่างๆ มีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหนต่อการจัดอันดับ ดังนั้น นักการตลาดควรใช้ข้อมูลนี้เป็นแนวทางในการปรับปรุงกลยุทธ์ SEO ของตน แต่ไม่ควรละเลยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ และการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ User ด้วย
สรุป
การรั่วไหลของเอกสารภายใน Google Search นี้ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับวิธีการทำงานของ Google Search Algorithm แม้ว่าเราจะไม่รู้น้ำหนักที่แน่ชัดของเกณฑ์ชี้วัดแต่ละตัว แต่ข้อมูลเหล่านี้ก็ถือเป็นแนวทางที่มีค่าสำหรับนักการตลาดดิจิทัลและนักทำ SEO ในการนำมาปรับปรุงกลยุทธ์
ทั้งนี้ Google Algorithm Update ยังคงเกิดขึ้นอยู่เสมอ และสิ่งที่เราเรียนรู้จากเอกสารเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต ดังนั้น การติดตามการเปลี่ยนแปลงล่าสุดและการปรับตัวอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในการทำ SEO ในระยะยาว
เกี่ยวกับ Relevant Audience
พวกเรา Relevant Audience คือ Digital Performance Marketing Agency ที่เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO และเป็นหนึ่งใน Digital Agency ที่มีบริการด้านการตลาดดิจิทัลครบวงจร เพื่อสนับสนุนธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเวลา สถานที่ และบนอุปกรณ์ที่เหมาะสม (Right Time, Right Place, Right Device)
บริการของเราครอบคลุมทั้งบริการทำ SEO, Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads ไปจนถึง Influencer Marketing และเรายังเป็น SEO Company ที่เป็น Google Partners อีกด้วย โดยทีมของเราล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมให้คำปรึกษาและค้นหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาทำการตลาดออนไลน์
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com