ใครที่มีประสบการณ์การสร้างแคมเปญโฆษณาคงคุ้นเคยกับ Google Ads กันดีอยู่แล้ว เพราะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่นักการตลาดทั้งมือใหม่และมือเก่านิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ด้วยความที่ Google Ads เป็นเครื่องมือในเครือข่ายของ Google ที่เป็นเจ้าตลาดของ Search Engine จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แบรนด์และนักการตลาดจะต้องใช้ Google Ads นี้ในการสร้างแคมเปญโฆษณา
ล่าสุดกูเกิลได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่บน Google Ads เพื่อลดขั้นตอนความซับซ้อน และช่วยประหยัดเวลาในการทำงานของนักการตลาดทุกคนให้มากขึ้น รายละเอียดจะเป็นอย่างไร มาดูพร้อมกันเลย!
Google Ads เปิดตัว 3 ฟีเจอร์ใหม่
Google Ads ได้เปิดตัว 3 ฟีเจอร์ใหม่ที่จะเข้ามาช่วยลดความซับซ้อนในการทำงานให้กับนักการตลาด ดังนี้
1. Asset Storage
สำหรับฟีเจอร์แรกที่จะมาแนะนำนี้เรียกว่า Asset Storage เป็นฟีเจอร์ที่จะเข้ามาช่วยให้ผู้ใช้งาน Google Ads ที่ต้องการสร้างแคมเปญโฆษณาต่างๆ สามารถใช้งาน Asset ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพหรือวิดีโอจากไลบรารีนี้ได้ทันที เพื่อช่วยประหยัดเวลาในการจัดการไฟล์ Asset ต่างๆ ให้น้อยลงเพื่อที่จะได้มีเวลาในการปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพหรือวิดีโอจากแคมเปญเก่าๆ ผู้ใช้งานก็สามารถเข้าถึงไลบรารี (Library) และแก้ไขแคมเปญได้โดยตรงโดยไม่จำเป็นต้องอัปโหลดซ้ำซ้อน อีกทั้งในอนาคตยังสามารถ Import ไฟล์ Asset ต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้จาก Google Drive ได้ด้วย
สำหรับฟีเจอร์นี้มีให้บริการทั้งในแคมเปญต่างๆ ของ Performance Max, Discovery, App, Local, Display และ Ad Extensions บางรายการ
2. สร้าง Video Ads บน YouTube
ก่อนหน้านี้ Google ได้เปิดตัว Ads Creative Studio ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเป็นตัวช่วยให้กับนักการตลาดในการมีแพลตฟอร์มที่เอาไว้ใช้ปรับแต่ง Video Ads และ Display Ads (สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่) สำหรับฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามานี้จะเป็นการที่ให้ผู้ใช้งาน Google Ads สามารถสร้าง Video Ads สำหรับแพลตฟอร์ม YouTube ได้โดยตรงแล้ว
โดยนักการตลาดที่ต้องการสร้าง Video Ads เพื่อนำไปใช้งานบนแพลตฟอร์ม YouTube สามารถที่จะเลือกเทมเพลตที่ต้องการจากนั้นปรับแต่งด้วยการใส่สี โลโก้ รูปภาพ ข้อความ และอื่นๆ โดยกูเกิลเคลมว่ารูปแบบเทมเพลตเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมสำหรับการขับเคลื่อนประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา ช่วยให้โฆษณาของคุณดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยประหยัดเวลาให้นักการตลาดไปใช้เวลามากขึ้นในการปรับปรุงแคมเปญในส่วนอื่นๆ เช่น ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกต่างๆ เพื่อนำไปปรับใช้ในกลยุทธ์การตลาด
อย่างที่รู้กันดีว่าเทรนด์การเสพคอนเทนต์ของผู้คนในปัจจุบันนิยมวิดีโอคอนเทนต์กันมากขึ้น เช่นเดียวกับโฆษณาที่หากเป็น Video Ads ก็จะช่วยดึงดูดและโน้มน้าวให้ผู้รับชมสนใจได้มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนแพลตฟอร์ม YouTube ที่เป็นเจ้าแห่งตลาดวิดีโอคอนเทนต์ ดังนั้นสำหรับนักการตลาดท่านใดที่ต้องการปลดล็อกศักยภาพของ Video Ads อย่างเต็มที่ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ใหม่นี้ได้ทันที
3. Voice-Over
เสียงจะช่วยให้ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาดีขึ้น ดังนั้นกูเกิลจึงเปิดตัวฟีเจอร์ที่จะช่วยให้นักการตลาดสามารถสร้างวิดีโอพร้อมกับการใส่ Voice-Over หรือเสียงพากย์ได้แบบทันทีโดยเป็นการใช้เทคโนโลยีการแปลงข้อความเป็นคำพูดของกูเกิล และสามารถเปิดการใช้งานผ่านไลบรารีใน Asset Storage โดยตอนนี้จะมีเสียงให้เลือกทั้งหมด 7 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ ฟิลิปปินส์ ฝรั่งเศส ฮินดี อินโดนีเซีย เกาหลี มาเลเซีย จีน (แมนดาริน) สเปน และสวีเดน
สำหรับใครที่ต้องการเพิ่มเสียงพากย์ในวิดีโอ สามารถทำได้ดังนี้
- เข้าไปที่ Asset Library
- พิมพ์สคริปต์คำพูด
- เลือกภาษาใน Voice Option
- ตั้งค่า Overlay ต่างๆ ที่จะให้ปรากฏในวิดีโอได้ตามต้องการ
สำหรับนักการตลาดที่ต้องการลดเวลาการทำงานให้น้อยลงแต่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น อย่าลืมทดลองใช้ 3 ฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้บน Google Ads กันดู อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมว่าฟีเจอร์ที่เพิ่งถูกเปิดตัวส่วนใหญ่อาจจะมีบัคหรือปัญหาที่อาจต้องรอการแก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้นก่อนจะสร้างแคมเปญอย่าลืมที่จะทดสอบก่อนเริ่มใช้งานจริงเสมอ
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com