หลายคนรู้ดีว่าการขายสินค้าหรือบริการในปัจจุบันต้องทำบนแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบนแอปฯ ช้อปปิ้งชื่อดังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ สีส้มหรือสีน้ำเงิน แต่อย่างไรก็ตามการมีเว็บไซต์ E-Commerce ของตัวเองเป็นหลักก็เป็นการการันตีความมั่นคงให้กับแบรนด์และจะช่วยให้แบรนด์สามารถทำการตลาดออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผู้คนเข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้น
ฉะนั้นในบทความนี้จะมาแนะนำ 10 ฟีเจอร์ที่ต้องมีบนเว็บไซต์ E-Commerce ใครที่อยากให้ยอดขายพุ่งแบบสับ ต้องอ่านให้จบแล้วนำไปปรับใช้ตามทันที
1. เว็บไซต์ต้องใช้งานง่าย
มีผลการสำรวจสถิติทั่วโลกของผู้ใช้งานเว็บไซต์ E-Commerce ระบุว่า 76% ของผู้บริโภคกล่าวว่าพวกเขาต้องการเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อสินค้าต่างๆ หรือหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ ฉะนั้นการออกแบบเว็บไซต์ E-Commerce จึงต้องคำนึงถึงเรื่องเหล่านี้เป็นหลักเสมอ ตั้งแต่การเริ่มวางโครงสร้างเว็บไซต์ให้มีความเป็นระเบียบ จัดหมวดหมู่รูปแบบสินค้าให้ดูเข้าใจไม่ยาก เพิ่มฟังก์ชันอย่างตัวกรองสินค้า และอื่นๆ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและสร้างความรู้สึกเป็นมิตรให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น
จำเอาไว้ว่ายิ่งเว็บไซต์เรียบง่ายและใช้งานได้อย่างไร้ความซับซ้อนมากเท่าไหร่ ก็จะเป็นการช่วยรั้งผู้ใช้งานให้อยู่บนเว็บไซต์นานมากขึ้นเท่านั้น
2. ไม่ใช่แค่ดีต่อใจ แต่ต้องดีต่อมือถือด้วย
50% ของธุรกรรมออนไลน์ที่เกิดขึ้นบนโลกตอนนี้มีที่มาจากการช็อปปิ้งบนโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้มีรายงานจาก Walmart ซึ่งเป็นเว็บไซต์ E-Commerce ชื่อดังระบุว่ายอดขายโทรศัพท์มือถือบนเว็บไซต์เพิ่มขึ้นมากถึง 98% หลังจากมีการปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานบนมือถือ ดังนั้นหากเว็บไซต์ E-Commerce ของคุณไม่สามารถรองรับการทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือได้ในตอนนี้ แนะนำว่าให้รีบไปแก้ไขโดยด่วน เพื่อให้ทันกับกระแสนิยมของโลกและพฤติกรรมผู้ใช้งานในปัจจุบัน
3. ภาพชัด มีชัยไปกว่าครึ่ง
ลองนึกภาพตามว่าหากคุณเป็นคนที่กำลังมองหาสินค้าบางอย่างอยู่ แต่เว็บไซต์ที่ขายสินค้าที่คุณต้องการนั้นกลับใช้รูปภาพสินค้าที่ไม่ชัดเจน หรือมากไปกว่านั้นอาจไม่มีแม้แต่รูปภาพมีเพียงแค่ข้อความแสดงรายละเอียด คุณจะตัดสินใจซื้อสินค้าจากเว็บไซต์นั้นหรือไม่?
รูปภาพสินค้าต้องมีความคมชัด เนื่องจากสินค้าบางประเภทนั้นมีรายละเอียดที่เยอะ และค่อนข้างเล็ก ฉะนั้นการใช้รูปภาพที่มีความชัดมากพอก็จะเป็นตัวช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามต้องระวังในเรื่องของขนาดไฟล์ของรูปภาพที่ใหญ่เกินไป เพราะรูปภาพที่มีขนาดไฟล์ใหญ่จนเกินไปจะมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ วิธีแก้ไขคือเลือกใช้สกุลไฟล์ JPEG และใช้วิธีบีบอัดรูปภาพทุกรูปบนเว็บไซต์เท่าที่จะทำได้
4. นโยบายการคืนสินค้า
สำหรับนโยบายการคืนสินค้าเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการหลายคนอาจรู้สึกเป็นเรื่องลำบากใจที่จะใส่ฟีเจอร์นี้บนเว็บไซต์ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม นโยบายการคืนสินค้าเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าได้ดีเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับร้านที่เพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน
5. จูงใจด้วย Special Offer
อีกหนึ่งเทคนิคที่นักการตลาดนิยมทำเสมอบนเว็บไซต์ E-Commerce นั่นคือการจัดแคมเปญโปรโมชัน หรือข้อเสนอที่ยากที่จะปฏิเสธให้กับลูกค้า เพื่อช่วยกระตุ้นการตัดสินใจให้ซื้อสินค้านั้นๆ ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การที่เว็บไซต์มีฟีเจอร์ที่จูงใจลูกค้าด้วย Special Offer ไม่เพียงแค่ช่วยเรื่องยอดขายเท่านั้นแต่ยังช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำ SEO อีกด้วย
6. ฟีเจอร์ Wish List
หนึ่งในความฝันของนักการตลาดทุกคนคือมีความสามารถพิเศษในการรับรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายนั้นต้องการอะไร แล้วจะมีอะไรที่ดีไปกว่าการที่เว็บไซต์นั้นมีฟีเจอร์ Wish List หรือรายการสิ่งของที่อยากได้บนเว็บไซต์ที่จะช่วยให้นักการตลาดรู้ว่ากลยุทธ์ต่อไปในการเพิ่มยอดขายจะต้องทำอย่างไร
ก่อนที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าโดยมากจะมีการพิจารณาอย่างละเอียดว่าสินค้าชิ้นไหนที่ตรงกับความต้องการ จนบางครั้งอาจเกิดอาการที่เรียกว่า “รักพี่เสียดายน้อง” จึงกดติดดาวสินค้าเอาไว้ก่อน เพื่อตัดสินใจในภายหลังว่าสินค้าชิ้นไหนจะเหมาะสมที่สุด มองในมุมไหนก็เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการทั้งนั้น ทั้งในแง่ของลูกค้า ฟีเจอร์ Wish list ก็จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าในขณะที่สำหรับนักการตลาดก็สามารถใช้ข้อมูลหลังบ้านนี้นำไปปรับปรุงแคมเปญโฆษณาต่างๆ ในอนาคตได้
7. ระบบสั่งซื้อ/ตะกร้าสินค้า
มันคงจะเป็นเรื่องที่แปลกหากเว็บไซต์ E-Commerce ไม่มีระบบตะกร้าสินค้า หรือระบบสั่งซื้อ เพราะฟีเจอร์นี้จะเป็นตัวช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ
อย่างไรก็ตามข้อสำคัญคือระบบตะกร้าสินค้าจะต้องสามารถแจกแจงรายละเอียดที่จำเป็นได้อย่างแม่นยำและสามารถปิดการขายแบบจบในที่เดียว
8. ฟีเจอร์แสดงสินค้าที่เกี่ยวข้อง (Related Items)
เชื่อได้เลยว่าหลายคนที่พบเจอกับข้อความที่ระบุว่า “คุณอาจชอบสิ่งนี้” และมีรูปภาพสินค้าประกอบขึ้นมา หลายคนคงมีอาการหลังสารเซโรโทนินที่ส่งสัญญาณถึงความอยากรู้อยากเห็นและรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ในกรณีที่สินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าหมดสต็อก ฟีเจอร์ที่ช่วยแนะนำสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องนี้ จะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าอยู่บนเว็บไซต์ได้นานขึ้น และจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายสินค้าบนเว็บไซต์ได้มากขึ้น
9. ความปลอดภัยของเว็บไซต์
ความกังวลด้านความปลอดภัยในการใช้งานเว็บไซต์กลายเป็นส่วนสำคัญที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกคำนึงถึงเป็นอันดับแรกเสมอ ด้วยเหตุนี้เว็บไซต์ E-Commerce จึงมีหน้าที่สร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่ต้องการเลือกซื้อสินค้าเพื่อไม่ให้ข้อมูลทางธุรกรรมของลูกค้าต้องตกเป็นเหยื่อของอาชญากรไซเบอร์
ระบบความปลอดภัยยอดนิยมที่ควรมีติดไว้บนเว็บไซต์ E-Commerce มีดังนี้
- SSl Certificate
- Two-Factor Authentication
- Firewall
- Privacy Policy Link
10. ข้อมูลการจัดส่งสินค้า
เป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ ที่เว็บไซต์ E-Commerce จะแสดงรายละเอียดข้อมูลการจัดส่งสินค้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการขนส่งเป็นใคร ใช้เวลานานเท่าไหร่ ค่าขนส่งถูกคิดคำนวณรวมกับราคาสินค้าไปแล้วหรือไม่
ปัจจุบันการให้บริการขนส่งสินค้ามีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ฉะนั้นเว็บไซต์ E-Commerce ที่ดีต้องมีตัวเลือกเหล่านี้ให้กับผู้บริโภคเลือกใช้ตามความต้องการ นอกจากนี้การออกแคมเปญโปรโมชันส่งฟรีเมื่อมียอดซื้อสินค้าถึงเกณฑ์ที่กำหนด ก็เป็นอีกแนวทางที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้ดีเช่นกัน
ใครที่กำลังเริ่มต้นทำเว็บไซต์ E-Commerce อยู่ในตอนนี้ลองมานั่งเช็กลิสต์รายการข้างต้นกันดูก่อนว่ามีฟีเจอร์ต่างๆ เหล่านี้แล้วหรือยัง รับประกันได้เลยว่าหากนำฟีเจอร์ต่างๆ ข้างต้นนี้ไปลองปรับใช้ จะเป็นการสร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าของคุณได้แน่นอน
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com