คู่มือเริ่มต้นใช้งาน Google Tag Manager ร่วมกับ Google Analytics 4

March 29, 2022Published By: Relevant Audience
Results Image

แคมเปญการตลาดออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบันมักเริ่มต้นมาจากการมี “ข้อมูล” ที่ดี ต้องตอบคำถามเบื้องต้นได้ เช่น แบรนด์สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายได้หรือไม่? หรือพฤติกรรมการใช้งานบนเว็บไซต์ของลูกค้าเป็นอย่างไร? สิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลสำคัญสำหรับนักการตลาดที่ต้องคอยเสาะแสวงหาเครื่องมือต่างๆ ในการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาปรับแผนการตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ปัญหาคือความซับซ้อนและความยุ่งยากกับระบบเว็บไซต์หลังบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีหลายเว็บไซต์หรือหลายเพจที่ต้องคอยมานั่งจัดการ 

หลายคนคงคุ้นกับชื่อ Google Analytics ที่เป็นเครื่องมือยอดฮิตสำหรับนักการตลาดทั่วโลกที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลการเข้าถึงของเว็บไซต์ผ่านปัจจัยต่างๆ แต่หากต้องทำงานร่วมกับเครื่องมือการตลาดอื่นๆ เช่น Google Ads หรือ Facebook Ads ก็ต้องคอยมานั่งกังวลกับการจัดการเขียนโค้ด (Coding) ที่ต้องอาศัยความเข้าใจในระดับสูง ซึ่งหากทำผิดพลาดอาจทำให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้น แต่จะเป็นอย่างไรหากมีเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาความซับซ้อนและความยุ่งยากในการทำงานให้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในบทความนี้ Relevant Audience จะพามาทำความรู้จักกับ “Google Tag Manager” อีกหนึ่งตัวช่วยยอดฮิตสำหรับนักการตลาดกัน

ทำความรู้จัก Google Tag Manager

Google Tag Manager (GTM) เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือของกูเกิลที่เปิดให้นักการตลาดเข้าไปใช้กันได้แบบฟรีๆ โดยจะช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์สามารถอัปเดตโค้ดติดตามและโค้ดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือที่นักการตลาดนิยมเรียกกันว่า “แท็ก (Tag)” ได้อย่างสะดวกรวดเร็วจากอินเทอร์เฟซผู้ใช้งานโดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพานักพัฒนา (Web Developer) ให้เกิดความยุ่งยากในการจัดการกับโค้ดแต่อย่างใด นอกจากนี้ไม่เพียงแค่จัดการบริหาร Tags หรือว่าโค้ดต่างๆ ยังสามารถนำ GTM มาใช้งานทำ บันทึกข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ (Event Tracking), Enhanced E-commerce หรือเทคนิคเชิงลึกอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการตลาดออนไลน์ได้อีกมาก 

Google Tag Manager และ Google Analytics 

Google Tag Manager (GTM) และ Google Analytics (GA) ทั้งสองเครื่องมือนี้เป็นตัวช่วยสำคัญให้กับนักการตลาดในการนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการตัดสินใจวางแผนการตลาดออนไลน์ได้ง่ายมากขึ้น อย่างไรก็ตามทั้ง GTM และ GA มีบทบาทหน้าที่การทำงานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ข้อแตกต่างสำคัญคือ GTM จะใช้สำหรับการจัดเก็บและจัดการกับโค้ดต่างๆ เปรียบได้กับตู้คอนเทนเนอร์ที่คอยรวบรวมโค้ดหรือแท็กต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Analytics, Google Ads, Facebook Pixel ที่เราต้องการนำมาติดตั้งเพื่อดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้สะดวกรวดเร็ว ในขณะที่ GA จะเน้นไปที่การนำข้อมูลต่างๆ มาเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) เช่น ข้อมูลรายงานผู้ใช้ (User Reports) ข้อมูล Conversions และ Engagement 

วิธีสมัครและติดตั้งการใช้งาน Google Tag Manager ทำตามได้ทันที

  1. สมัครใช้งานโดยเข้าไปที่เว็บไซต์ TagManager
  2. คลิกปุ่ม Create Account
  1. กรอกรายละเอียด ตามนี้
  • ในช่อง Account Name ให้ใส่ชื่อบัญชีหรือโปรเจกต์ที่จะทำ 
  • เลือกประเทศ (เว็บไซต์ที่ใช้อยู่ในประเทศอะไร)
  • ในช่อง Container Name ให้ใส่ URL ของเว็บไซต์แบบไม่ต้องมี “https://”
  • ในส่วนของ Target Platform ให้เลือกประเภทแพลตฟอร์มที่จะเอา TAG มาใส่
  1. คลิกปุ่ม Create
  2. จากนั้น อ่านข้อตกลงการใช้งานและให้กดยอมรับ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถนำ Tag ที่ต้องการมาติดตั้งให้กับเว็บไซต์ได้แล้ว

ติดตั้ง GTM Container

หลังจากสมัคร Account ได้แล้ว GTM จะแสดงกล่องคำแนะนำในการติดตั้ง (ขั้นตอนต่อไปนี้จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องโค้ดเล็กน้อย) ดังนี้ 

จากในภาพจะเป็นการแนะนำให้นำโค้ด Javascript ไปใส่ในหน้า Coding บนเว็บไซต์ โดยจะแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วนแรกโค้ดจะถูกฝังไว้ที่ส่วน <head> ของเว็บไซต์ และโค้ดอีกชุดจะถูกฝังไว้ส่วนของ <body> เพื่อให้ระบบสามารถทำงานได้

วิธีเชื่อมต่อ Google Analytics 4 และ Google Tag Manager

เพื่อลดความซับซ้อนในการวางแผนงานด้านการตลาดออนไลน์ให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด การติดตั้ง Google Analytics ผ่าน Tag Manager เป็นตัวเลือกอันดับแรกที่นักการตลาดมือฉมังทั่วโลกนิยมทำกัน จากที่กูเกิลประกาศให้ GA4 Propeties เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อมีการสร้าง Analytics Property ขึ้นใหม่ ในบทความนี้จึงมาแนะนำขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยเชื่อมต่อ Google Analytics 4 กับ Tag Manager กัน 

เริ่มจากการสร้าง Trigger เพื่อกำหนดลักษณะการทำงานของ Tag ต่างๆ 

  1. คลิก Triggers > New
  2. ตั้งชื่อ Trigger 
  3. เลือก Trigger Type เป็น “Page View”
  4. ในหัวข้อ This Trigger fire on เลือกเป็น “All Page Views”
  5. กด Save

จากนั้นให้สร้าง Tag

  1. คลิก Tags > New
  2. คลิก Tag Configuration
  3. ตั้งชื่อ Tag
  4. ในหัวข้อ Tag Type ให้เลือก “Google Analytics: GA4 Configuration”
  5. ใส่ Measurement ID (อธิบายในหัวข้อต่อไป)
  6. คลิก Triggering
  7. ใน All Pages เลือก “Page View”

Measurement ID หาได้จากที่ไหน?

ในการสร้าง Tag หลายคนอาจจะติดปัญหาในขั้นตอนการใส่ Measurement ID เนื่องจากไม่ทราบว่าหาจากที่ไหน โดยการหา Measurement ID นั้นเริ่มจาก

  1. เปิด GA4 Property 
  2. คลิก Admin
  3. ในคอลัมน์ Property คลิก “Data Streams”
  1. เลือก Web-Based 
  2. Measurement ID จะอยู่ด้านมุมขวาบน

ข้อจำกัดของการใช้เพียง Google Analytics คือผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของ Coding พอสมควร หากแบรนด์ต้องคอยจัดการกับแคมเปญในหลายแพลตฟอร์ม จะเป็นการดีที่สุดหากรู้จักใช้เครื่องมือ Google Tag Manager ที่เต็มไปด้วยโซลูชันในการแก้ปัญหาความซับซ้อนและยุ่งยากของการจัดการในส่วนหลังบ้านของเว็บไซต์ เพื่อช่วยประหยัดเวลาในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้แผนการตลาด

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com 

เว็บไซต์: www.relevantaudience.com

Related Articles

If you enjoyed reading this article, you might like these too.

เช็คลิสต์ SEO ขั้นสุดยอดสำหรับปี 2025
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

April 23, 2025

เช็คลิสต์ SEO ขั้นสุดยอดสำหรับปี 2025
เพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณด้วยเช็คลิสต์ SEO ขั้นสุดยอดนี้ เรียนรู้กลยุทธ์สำคัญเพื่อเพิ่มความโดดเด่นและดึงดูดการเข้าชมจากทราฟฟิกออร์แกนิคมากขึ้นวันนี้...
การใช้งบประมาณ PPC ของคุณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อ ROI ที่ดีขึ้น
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

April 23, 2025

การใช้งบประมาณ PPC ของคุณให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อ ROI ที่ดีขึ้น
เรียนรู้วิธีบริหารและปรับแต่งงบประมาณ PPC ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนและขยายธุรกิจด้วยกลยุทธ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว...
SEO vs PPC: อะไรเหมาะกับธุรกิจของคุณ?
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

April 22, 2025

SEO vs PPC: อะไรเหมาะกับธุรกิจของคุณ?
เรียนรู้ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง SEO และ PPC เพื่อเลือกกลยุทธ์ที่ตรงกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ด้วยการผสมผสานที่เหมาะสมระหว่างการตลาดแบบออร์แกนิกและการตลาดแบบเสียเงิน...
SEO vs PPC: Which is Right for Your Business?
General topics

April 22, 2025

SEO vs PPC: Which is Right for Your Business?
Learn the key differences between SEO and PPC to decide which strategy fits your business goals. Boost traffic with the...