นักการตลาดยุคดิจิทัลทุกท่านคงคุ้นเคยกับการทำแคมเปญโฆษณา PPC หรือ Pay-Per-Click บน Google หรือเสิร์ชเอนจินอื่นๆ ทั้งการทำโฆษณาให้กับธุรกิจตัวเองก็ดี หรือทำแคมเปญให้กับลูกค้าก็ดี แต่หลายคนมักให้ความสำคัญกับค่า CTR หรือ Search Impression จนลืมนึกถึงภาพรวมเป้าหมายธุรกิจ ที่เรียกได้ว่า สำคัญต่อการทำแคมเปญโฆษณาไม่แพ้ Metrics อื่นๆ เลยทีเดียว รู้แบบนี้แล้ว มาดูกันว่าเราจะทำอย่างไรได้บ้าง
ทำไมต้องปรับแคมเปญ PPC ให้ตรงกับเป้าหมายธุรกิจ?
ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า PPC หมายถึง อะไร? PPC ย่อมาจาก Pay-Per-Click หรือการจ่ายเงินต่อคลิก เป็นรูปแบบการโฆษณาออนไลน์ที่ผู้ทำโฆษณาจะต้องจ่ายเงินเมื่อมีคนคลิกที่โฆษณานั้นๆ เช่น โฆษณาบน Google, Facebook หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งช่วยให้แบรนด์หรือธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและวัดผลได้ชัดเจน
ทั้งนี้ หลายครั้งที่นักการตลาดที่ทำ PPC มักสนใจอยู่กับการจัดการแคมเปญหรือ Metric วัดผลต่างๆ จนลืมมองภาพรวมว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นตอบโจทย์ลูกค้าจริงๆ หรือไม่ เพราะบางครั้งลูกค้าเองก็ไม่ได้สื่อสารความต้องการมาอย่างชัดเจน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและการทำงานที่ไม่ตรงจุด
เพื่อแก้ปัญหานี้ เรามาดู 5 วิธีที่จะช่วยให้แคมเปญ PPC ของคุณสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจอย่างแท้จริงกัน
1. ปรับแคมเปญโฆษณาให้สอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจ
อันดับแรก ก่อนจะเริ่มทำแคมเปญใดๆ สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องเข้าใจเป้าหมายทางธุรกิจให้ชัดเจน โดยอาจเริ่มจากการตอบคำถาม เช่น
- เรามีระบบการวัดผลที่ครอบคลุมทุกเป้าหมายหลักและรองของธุรกิจหรือไม่?
- แต่ละแคมเปญที่กำลังทำอยู่หรือวางแผนจะทำ มีเป้าหมายเฉพาะที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์โดยรวมหรือไม่?
- โครงสร้างบัญชีโฆษณาสะท้อนถึงวัตถุประสงค์เหล่านี้อย่างสมดุลหรือไม่?
- ธุรกิจวัดความสำเร็จของเป้าหมายเหล่านี้อย่างไร? แล้วเราสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้หรือไม่?
พอคำถามเหล่านี้ได้แล้ว เชื่อว่าจะช่วยให้นักการตลาดวางกลยุทธ์โฆษณาได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2. วิจัยช่องทางและกลุ่มเป้าหมาย
เมื่อรู้เป้าหมายทางธุรกิจแล้ว ขั้นต่อไปคือ การรีเสิร์ชว่าช่องทางไหนและกลุ่มเป้าหมายแบบไหนที่จะตอบโจทย์เป้าหมายเหล่านั้นได้ดีที่สุด โดยต้องคำนึงถึงงบประมาณโฆษณาที่มีด้วย
ตัวอย่างเช่น เราเป็นบริษัทประกันหน้าใหม่ที่มีงบจำกัด อาจต้องการสร้าง Brand Awareness (เป้าหมายหลัก) และหา Lead เบื้องต้น (เป้าหมายรอง) แทนที่จะใช้ Meta Ads และ Google Search Ads ซึ่งมีการแข่งขันสูงและราคา CPC/CPM ที่แพง อาจเลือกใช้ YouTube Ads แทน เพราะเหมาะกับเนื้อหาวิดีโอยาวที่เน้นอธิบายผลิตภัณฑ์ และไม่น่าเบื่อเหมือนกับการอ่านตัวหนังสือ แถมกลุ่มเป้าหมายมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วม (Engagement) บนแพลตฟอร์มนี้มากกว่าด้วย
3. พัฒนากลยุทธ์การวัดผลที่ครอบคลุม
เมื่อตกลงเป้าหมายหลักและเป้าหมายรองแล้ว ต้องระบุว่าอะไรบ้างที่ต้องติดตามสำหรับแต่ละวัตถุประสงค์ เช่น:
- เป้าหมายหลักคือการเพิ่มยอดขาย ก็ควรติดตั้งการติดตามรายได้ (Revenue Tracking) เพื่อปรับแต่งและวัดผล
- เป้าหมายรองเป็นการหาลูกค้าใหม่ ควรติดตาม User Acquisition จากทั้งในแพลตฟอร์มขายและในโฆษณา
- การสร้างการรับรู้แบรนด์ อาจเป็นค่าที่วัดผลได้ยาก โดยอาจต้องหารือกับทีมว่าจะใช้ตัวชี้วัดใดบ้าง เช่น Click, Session, Rech, Impression หรืออาจลงลึกไปถึงการวิเคราะห์ Direct Traffic Growth เป็นต้น
4. การรายงานผล
เมื่อมีเป้าหมายและวิธีวัดผลที่ชัดเจนแล้ว การรายงานผล (Report) ควรสะท้อนสิ่งเหล่านี้อย่างโปร่งใสและเข้าใจง่าย ไม่ว่าจะเป็น CEO, CFO หรือทีมการตลาดก็ควรเข้าใจและตีความรายงานได้ในบริบทของเป้าหมายที่ตกลงกันไว้
โดยแนะนำให้ใช้แดชบอร์ดแบบเรียลไทม์ (Real-time Dashboard) เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลาโดยควรแสดง KPI ที่ตกลงกันไว้สำหรับแต่ละแคมเปญ และ Metrics หรือตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง
5. การสื่อสารอย่างสม่ำเสมอและมีแบบแผน
มื่อมีการ Report ที่ดีเท่ากับการมีพื้นฐานสำหรับการสื่อสารเป็นแบบแผน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารภายในทีมหรือลูกค้าที่เรากำลังรันโฆษณาให้ก็ตาม โดยมีข้อแนะนำดังนี้
- จัดรายงานประจำเดือน พร้อมการอธิบายและการวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่ได้
- สื่อสารกับทีมการตลาดเป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกสองสัปดาห์
- จัดการทบทวนรายไตรมาสและรายปี เพื่อให้ได้มองภาพรวมของความคืบหน้าตามวัตถุประสงค์ของธุรกิจ
- พยายามนำทีม Sales และทีมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการประชุมการรายงานเพื่อหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์โดยรวมและวางแผนงานในอนาคต
โดยการสื่อสารอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันท่วงทีเมื่อเป้าหมายธุรกิจเปลี่ยนไป เช่นในกรณีของบริษัทประกันที่เราพูดถึงกันไป หลังจากทำโฆษณาไปหนึ่งปี การรับรู้แบรนด์อาจเพิ่มขึ้นและได้ Lead คุณภาพสูงจำนวนหนึ่ง และจากการวิเคราะห์ตลาดพบว่าค่า CPC เฉลี่ยลดลง 30% เพราะคู่แข่งหลายรายออกจากการแข่งขันบน Search Ads ดังนั้น ธุรกิจอาจปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์หลักไปเป็นการเพิ่มจำนวน Lead และการสร้าง Brand Awareness เป็นเป้าหมายรองแทน ส่งผลแคมเปญโฆษณาต้องปรับเปลี่ยนไปด้วยนั่นเอง
สรุปแล้ว การปรับแคมเปญ PPC ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้โฆษณามีประสิทธิภาพสูงสุด โดยต้องอาศัยการสื่อสารที่ชัดเจน การวัดผลที่ครอบคลุม และการรายงานที่โปร่งใส พร้อมทั้งการปรับตัวอย่างรวดเร็วเมื่อสถานการณ์ตลาดเปลี่ยนแปลงไป
เทคนิคเพิ่มเติมในการปรับแคมเปญ PPC ให้ตรงเป้าหมายธุรกิจ
นอกจาก 5 วิธีหลักที่เราได้พูดถึงไปแล้ว ยังมีเทคนิคเพิ่มเติมที่จะช่วยให้แคมเปญ PPC ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
- ทำความเข้าใจ Customer Journey – ศึกษาแนวทางการตัดสินใจซื้อของลูกค้าให้ละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าแคมเปญของเราครอบคลุมทุก Touch Point สำคัญ ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อ
- ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึก – นำข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาวิเคราะห์ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจาก Google Analytics, CRM หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ทดสอบและเรียนรู้อยู่เสมอ – ทดลองกลยุทธ์ใหม่ๆ อย่างมีระบบและวัดผลอย่างละเอียด เพื่อนำมาปรับปรุงแคมเปญอย่างต่อเนื่อง
- ให้ความสำคัญกับคุณภาพของ Landing Page – แม้ว่าโฆษณาจะดีเพียงใด แต่ถ้า Landing Page ไม่ตอบโจทย์ ก็ยากที่จะบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ ดังนั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Landing Page สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแคมเปญและให้ประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้
- พิจารณาการใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning – เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถช่วยในการปรับแต่งแคมเปญแบบเรียลไทม์ และช่วยคาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภคได้แม่นยำยิ่งขึ้น
- สร้างความสมดุลระหว่างเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว – แม้ว่าเป้าหมายระยะสั้นอย่างการเพิ่มยอดขายจะสำคัญ แต่อย่าลืมลงทุนในสิ่งที่สร้างผลลัพธ์ระยะยาว เช่น การสร้างแบรนด์
ด้วยการยึดหลักการเหล่านี้ เราก็จะสามารถสร้างแคมเปญ PPC ที่ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพในการสร้าง Conversion เท่านั้น แต่ยังสามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายที่สำคัญได้อย่างแท้จริง และไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดทำ PPC หรือมืออาชีพ การนำหลักการเหล่านี้ไปปรับใช้จะช่วยยกระดับแคมเปญและสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจได้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ ความสำเร็จของโฆษณา PPC ไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขคลิกหรือ CTR เท่านั้น แต่วัดจากการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจด้วย
เกี่ยวกับ Relevant Audience
พวกเรา Relevant Audience คือ Digital Performance Marketing Agency ที่เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO และเป็นหนึ่งใน Digital Agency ที่มีบริการด้านการตลาดดิจิทัลครบวงจร เพื่อสนับสนุนธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในเวลา สถานที่ และบนอุปกรณ์ที่เหมาะสม (Right Time, Right Place, Right Device)
บริการของเราครอบคลุมทั้งบริการทำ SEO, Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads ไปจนถึง Influencer Marketing และเรายังเป็น SEO Company ที่เป็น Google Partners อีกด้วย โดยทีมของเราล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พร้อมให้คำปรึกษาและค้นหาโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ปรึกษาทำการตลาดออนไลน์
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com