8 ขั้นตอน Redesign Website อย่างไรไม่ให้เว็บไซต์อันดับร่วง!

March 24, 2022Published By: Relevant Audience
Results Image

เคยได้ยินคำพูดที่ว่า “เว็บไซต์เป็นพนักงานขายคนแรก” หรือไม่? เพราะว่าเว็บไซต์เป็นพื้นที่ในการบอกรายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับบริษัท และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะดึงดูดผู้ที่มีแนวโน้มจะเข้ามาเป็นลูกค้าได้ง่ายที่สุด กล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือเว็บไซต์เปรียบได้กับหนึ่งในพนักงานของบริษัท เช่นเดียวกันกับการที่ต้องจัดอบรมให้กับพนักงานในบริษัท ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป เว็บไซต์ก็ควรที่จะมีการปรับปรุงและคอยประเมินประสิทธิภาพให้ดีที่สุดอยู่ตลอดเวลา และหากจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ควรลังเลที่จะพิจารณาการออกแบบเว็บไซต์ใหม่เพื่อให้ตอบรับกับปัญหาที่เกิดขึ้นทันที

โดยเฉลี่ยแล้วบริษัทต่างๆ ทั่วโลกจะเริ่มออกแบบเว็บไซต์ใหม่ในทุกๆ สองถึงสามปี แน่นอนว่าการออกแบบเว็บไซต์ใหม่จะสามารถช่วยเพิ่มอันดับในการค้นหาบน Search Engine ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าการออกแบบเว็บไซต์ใหม่ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีอย่างเดียว เพราะการออกแบบเว็บไซต์ที่ไม่ได้มีความระมัดระวังที่มากพอ อาจส่งผลกระทบร้ายแรงได้ เช่น ปัญหาการเข้าชมที่ลดลง (Loss Web Traffic) ทำให้ในบทความนี้ Relevant Audience จะมาแนะนำ 8 ขั้นตอนที่หากทำตามแล้ว การออกแบบเว็บไซต์ใหม่ครั้งนี้ จะไม่มีทางส่งผลเสียต่อ SEO Search Ranking แน่นอน

ขั้นตอนที่ 1 ออกแบบเว็บไซต์บน Temporary URL / Test Site 

ขั้นตอนแรกในกระบวนการออกแบบเว็บไซต์ใหม่ คือการทดสอบออกแบบเว็บไซต์บน Temporary URL ตัวอย่าง เช่น หากเว็บไซต์เป็นรูปแบบ CMS อย่าง WordPress ในการออกแบบเว็บไซต์ก็สามารถเลือกสร้างเว็บไซต์สำรองบน Donaim Name อื่น ได้ง่ายๆ ทันที แต่หากเว็บไซต์เป็นรูปแบบ Custom CMS ก็จำเป็นที่จะต้องสร้าง Subfolder ขึ้นมาก่อน เพื่อให้เป็นพื้นที่ในการออกแบบเว็บไซต์ใหม่แทน

การออกแบบเว็บไซต์บน Temporary URL จะช่วยให้การแก้ไขหรือปรับแต่งเว็บไซต์ใหม่ไม่ส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์ในปัจจุบันที่ใช้งานอยู่ และยังสามารถใช้พื้นที่นี้ในการทดสอบฟังก์ชันใหม่ๆ ที่อาจใส่เพิ่มเติมเข้าไปบนเว็บไซต์ใหม่ได้อีกด้วย

ขั้นตอนที่ 2 ประเมินหาข้อดี-ข้อเสียของเว็บไซต์เดิม

ในการออกแบบเว็บไซต์ใหม่จะรู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรที่ควรปรับปรุงให้ดีขึ้น หรือมีอะไรบนเว็บไซต์ที่ดีอยู่แล้วและไม่อยากให้หายไป แน่นอนว่าการตรวจสอบหน้าเว็บไซต์เก่าให้ละเอียดที่สุดเป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญก่อนการเริ่มต้นออกแบบเว็บไซต์ใหม่ เพื่อให้สามารถระบุได้ว่ามีองค์ประกอบสำคัญอะไรบ้างที่ช่วยเพิ่มโอกาสกระตุ้นการเข้าชมของผู้ใช้งาน หรือมีสิ่งใดในเว็บไซต์ที่อาจส่งผลต่อประสบการณ์เชิงลบให้กับผู้ที่เข้ามาใช้งาน เพื่อให้มั่นใจว่าองค์ประกอบเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขและจะไม่ถูกส่งต่อไปยังเว็บไซต์ใหม่ ตัวอย่างปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำ SEO ในการออกแบบเว็บไซต์ เช่น

  • ปัญหา Missing Page Titles
  • ปัญหา Duplicate Page Titles
  • ขนาดของ Page Titles ที่มากกว่า 512 พิกเซล
  • ขนาดของ Page Titles ที่ต่ำกว่า 200 พิกเซล
  • ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ H1 Tags
  • ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ Meta Descriptions
  • ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ Canonical Tag
  • ปัญหา Broken Internal/External Links
  • ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ Image Alt Text

ขั้นตอนที่ 3 การใช้ NO Index บน Temporary URL / Test Site

หนึ่งในข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในการออกแบบเว็บไซต์ใหม่คือ การไม่ใช้ Robots Meta Tags อย่างการใช้ฟังก์ชัน “No Index Tag” เพราะความสำคัญของฟังก์ชัน “No Index Tag” นี้จะคอยป้องกันไม่ให้แสดงผลหน้าเว็บไซต์ที่กำลังออกแบบใหม่นี้บน Search Engine แน่นอนว่าเว็บไซต์ที่ยังไม่ได้รับการปรับแต่งให้ถูกต้องตามหลัก SEO หากเผลอปล่อยให้ใครก็ตามเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ที่ยังไม่สมบูรณ์นี้จะส่งผลเสียต่อการจัดอันดับหน้าเว็บไซต์อย่างแน่นอน

ขั้นตอนที่ 4 เริ่มต้นออกแบบเว็บไซต์ใหม่

หลังจากที่ใช้ฟังก์ชัน No Index Tag แล้ว ก็สามารถเริ่มออกแบบเว็บไซต์ใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับของ SEO แต่แน่นอนว่าในกระบวนการออกแบบเว็บไซต์ใหม่ต้องไม่ลืมที่จะมีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับหลักการทำ SEO ที่ถูกต้องในทุกขั้นตอน ตัวอย่างเช่นหากมีแผนการเปลี่ยนแปลง URL และบนเว็บไซต์เก่ามี Backlink Profile ที่ดีมากอยู่แล้ว ในการออกแบบเว็บไซต์ใหม่ จะวางแผนในการทำ Redirect 301 รักษา Backlink Profile นี้บนเว็บไซต์ใหม่อย่างไร หากอยากหลีกเลี่ยงปัญหาขั้นตอนการทำ SEO ที่อาจจะเพิ่มความยุ่งยากให้กับกระบวนการออกแบบเว็บไซต์ แนะนำว่าให้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ SEO ที่มีประสบการณ์ เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะดีที่สุด 

ขั้นตอนที่ 5 ทดสอบเว็บไซต์ 

เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนออกแบบเว็บไซต์ และปรับแต่งเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามหลัก SEO แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะรวบรวมข้อมูลอินไซด์ต่างๆ ของเว็บไซต์เพื่อปรับปรุงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการออกแบบเว็บไซต์ หนึ่งในเครื่องมือที่คนทำ SEO ต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี คือเครื่องมือที่เรียกว่า Screaming Frog โดยจะมีไว้ใช้ตรวจสอบปัญหาต่างๆ เช่น 

  • การเกิด Broken Links ภายในเว็บไซต์
  • ความถูกต้องของ Page Titles 
  • Meta Descriptions 
  • ตรวจสอบการ Redirect ของเว็บไซต์ 
  • Page Speed 

ในขั้นตอนการทดสอบนี้อาจใช้เวลาตั้งแต่สองถึงสามวันจนถึงสองถึงสามสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับกระบวนการทำ SEO ของเว็บไซต์ว่ามีมากหรือน้อยแค่ไหน จำไว้ว่าการเปิดใช้งานเว็บไซต์ที่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างพิถีพิถัน อาจเปิดเผยจุดบกพร่องที่ไม่คาดคิดและนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงที่แก้ไขได้ยากในอนาคต

ขั้นตอนที่ 6 เปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์ (Redirect Website)

อีกหนึ่งขั้นตอนที่หลายคนมักที่จะไม่ค่อยให้ความสำคัญ แต่ในความเป็นจริงถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการออกแบบเว็บไซต์คือ การเปลี่ยนเส้นทางของเว็บไซต์ (Redirect Website) เพราะปัญหาลิงก์เสียด้วยสาเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่ไฟล์บนหน้าเว็บถูกลบออกไปแล้ว หรือมีการเปลี่ยนชื่อโดเมนของบทความแต่ยังอยากใช้เนื้อหาเดิมอยู่ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือต่อให้เราแก้ไขบนเว็บไซต์ไปแล้ว แต่ลิงก์ที่เสียเหล่านั้นก็ยังติดอยู่บนกูเกิล เวลามีคนที่เข้ามาแล้วเจอเว็บไซต์ แต่ลิงก์ที่เจออาจเป็นลิงก์เก่าทำให้เกิดปัญหาเจอหน้า 404 Error หรือ 401 Error กลายเป็นว่าสิ่งเหล่านี้จะคอยสร้างความรำคาญใจให้กับผู้ใช้งานและอาจทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่ดีต่อเว็บไซต์ในระยะยาว

ขั้นตอนที่ 7 อย่าลืมอัปเดต XML Sitemaps

หากลองนึกภาพว่าเว็บไซต์เป็นหนังสือ XMLSitemap ก็เปรียบเสมือนกับสารบัญในหนังสือ เป็นส่วนที่บอกว่าหนังสือเล่มนี้มีกี่บท แต่ละบทชื่ออะไรบ้าง ในการเริ่มต้นออกแบบเว็บไซต์ต้องไม่ลืมที่จะทำ XML Sitemap เพราะถือเป็นการวางแผนโครงร่างของเว็บไซต์ทำให้มองเห็นภาพรวมทั้งหมด สำหรับการอัปเดต XML Sitemap ก็เป็นส่วนสำคัญในการออกแบบเว็บไซต์ใหม่ เนื่องจากจะเป็นการบอกให้ระบบ Google Search Bot ทราบว่าหน้าไหนที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือถูกลบไปแล้วบ้าง โดยวิธีการอัปเดต XML Sitemap ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากหากใช้ WordPress เพียงแค่ติดตั้ง Yoast SEO Plugin จากนั้นก็จะสามารถใช้ตัวปลั๊กอินนี้ในการสร้าง Sitemap ของเว็บไซต์และสามารถอัปเดตข้อมูลให้ล่าสุดได้ตามที่ต้องการ  

ขั้นตอนที่ 8 ตรวจสอบทุกอย่างซ้ำอีกสักรอบ 

เมื่อทำตามทุกขั้นตอนเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะส่งเว็บไซต์ใหม่สู่หน้าแรกบนหน้า SERPs อย่างไรก็ตามอย่าลืมที่จะตรวจสอบทุกอย่างซ้ำอีกสักหนึ่งรอบเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลหากมีปัญหาเล็กน้อยเกิดขึ้นเพราะถือเป็นเรื่องปกติของการทำเว็บไซต์ เพียงแต่ต้องแน่ใจว่ามีการตรวจสอบและคอยปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวมของเว็บไซต์อยู่เสมอ

รับปรึกษาการทำ SEO ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

โทร.: 02-038-5055 

อีเมล: info@relevantaudience.com 

เว็บไซต์: www.relevantaudience.com

Related Articles

If you enjoyed reading this article, you might like these too.

WordPress Hooks คืออะไร? เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ได้อย่างไร?
เรื่องทั่วไปด้านการตลาดออนไลน์

July 24, 2024

WordPress Hooks คืออะไร? เพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ได้อย่างไร?
WordPress hooks คืออะไร? ในวงการเว็บไซต์ พูดได้ว่า WordPress เป็นหนึ่งในระบบ Content Management (CMS) ที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งมี Market Share มากกว่า 60% ทั่วโลก เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะจำนวน Plugin แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายที่มีให้เลือกใช้งานจำนวนมาก...
อัปเดตโฆษณา AI บน Google Ads! บอกวิธียิงแอดในยุคที่ AI เป็นใหญ่
โฆษณา Google Ads

July 24, 2024

อัปเดตโฆษณา AI บน Google Ads! บอกวิธียิงแอดในยุคที่ AI เป็นใหญ่
ในยุคที่เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกวงการ วงการโฆษณาออนไลน์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Google Ads ที่กำลังนำ AI มาใช้ในการพัฒนาระบบโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบอย่างไรต่อนักการตลาดออนไลน์? แล้วเราจะปรับตัวกับโฆษณา AI อย่างไรในก้าวทันคู่แข่ง? ในบทความนี้ เราจะมาอธิบายถึงผลกระทบของโฆษณา AI ต่อแคมเปญ PPC โดยรวม...
Google Trends คืออะไร? ส่องเคล็ดลับการใช้เทรนด์เพิ่มประสิทธิภาพ SEO
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

July 23, 2024

Google Trends คืออะไร? ส่องเคล็ดลับการใช้เทรนด์เพิ่มประสิทธิภาพ SEO
คอนเทนต์ตามกระแส หรือเทรนด์เป็นรูปแบบการนำเสนอเนื้อหาที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในโลกดิจิทัล เนื่องจากมักสร้างการมีส่วนร่วม และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค โดยหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักการตลาดและคอนเทนต์ครีเอเตอร์นิยมใช้เพื่อค้นหาและติดตามกระแส คือ Google Trends ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่า Google Trends คืออะไร และจะนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างคอนเทนต์อย่างไรให้ตอบโจทย์การทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเจาะลึกเทคนิคการใช้เทรนด์เพื่อยกระดับกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลของคุณ Google Trends คืออะไร...
Martech คืออะไร หากนำมาใช้แล้วจะมีผลต่อ SEO บ้างไหม?
เอสอีโอ (Search Engine Optimization)

July 22, 2024

Martech คืออะไร หากนำมาใช้แล้วจะมีผลต่อ SEO บ้างไหม?
ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การทำ Digital Marketing หรือตลาดดิจิทัลกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกองค์กร แล้วเครื่องมือที่ช่วยให้การทำการตลาดออนไลน์เหล่านี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นก็คือ Martech หรือ Marketing Technology นั่นเอง วันนี้เรามาทำความรู้จักกันว่า Martech คืออะไร? มีรูปแบบอย่างไรบ้าง? และอีกหนึ่งสิ่งที่อยากจะมาแชร์คือ Martech สามารถช่วยยกระดับการทำ SEO...