นักการตลาดทั้งมือใหม่และมือเก่าคงทราบกันอยู่แล้วว่าหนึ่งในกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ได้คือการสร้าง Landing Page บนหน้าเว็บไซต์ เพราะหน้า Landing Page ที่ดีเปรียบเสมือนกับพนักงานขายของคนแรกของร้าน ที่ต้องเก่งที่สุด เข้าใจลูกค้าที่สุด เพราะต้องคอยต้อนรับและโน้มน้าวผู้ที่เข้ามารับชมให้กลายมาเป็นลูกค้าของร้านให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเสนอหนทางในการได้รับข้อมูลจากลูกค้าด้วยการให้กรอก Contact Form ต่างๆ
แต่นักการตลาดมือใหม่หลายท่านอาจยังตั้งข้อสงสัยว่าการทำ Landing Page ให้มีประสิทธิภาพสูงเพื่อให้สามารถสร้างค่า Conversion Rate ที่ดีนั้นสามารถทำได้อย่างไร ในประเด็นดังกล่าว มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือได้รายงานตรงกันว่าประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experienced) เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการโน้มน้าวผู้รับชมให้โต้ตอบกับหน้า Landing Page ได้ดีที่สุด ในบทความนี้มีเคล็ดลับ 5 สิ่งประสบการณ์ผู้ใช้งานบนหน้า Landing Page ที่ต้องปรับปรุงหากต้องการเพิ่มค่า Conversion Rate ให้สูงขึ้นกัน
1. เพิ่มความน่าสนใจด้วยการใช้คลิปวิดีโอ
มีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องระบุว่า การใช้คลิปวิดีโอในหน้า Landing Page จะช่วยเพิ่มค่า Conversion Rate ได้สูงขึ้นถึง 80% เนื่องจากจะช่วยสร้างความไว้วางใจต่อลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้การลงทุนงบประมาณจำนวนหนึ่งไปกับการผลิตคลิปวิดีโอที่มีคุณภาพสำหรับหน้า Landing Page จะได้รับรับผลตอบแทนที่คุ้มค่าแน่นอนจากเหตุผลต่อไปนี้
- ช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ที่เข้ามารับชมหน้าเว็บไซต์
- ช่วยกระตุ้นอารมณ์ในการตัดสินใจเข้ามาเป็นลูกค้าได้ง่ายขึ้น
- ภาพเคลื่อนไหวจะช่วยอธิบายผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ของแบรนด์ได้ดีกว่าภาพนิ่งหรือข้อความอย่างเดียว
2. พิจารณาการใช้ CTA อย่างรอบคอบ
สำหรับการเลือกตำแหน่งในการวาง CTA (Call To Action) หรือรูปแบบที่ใช้อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้ดูสลักสำคัญอะไร แต่แท้ที่จริงแล้วเรื่องเพียงเล็กน้อยนี้เป็นสิ่งสำคัญที่หากคิดอย่างรอบคอบจะช่วยให้หน้า Landing Page ได้รับผลลัพธ์ที่ดีอย่างคาดไม่ถึงแน่นอน ตัวอย่างเช่น การเลือกใช้สีของปุ่มที่ดี จะช่วยโน้มน้าวให้ผู้รับชมสามารถคลิกเพื่อไปต่อได้ง่ายขึ้น ดังนั้น CTA ต้องมีความโดดเด่น ไม่ว่าจะด้วยรูปแบบของสี แพทเทิร์นของคำที่เลือกใช้ ตำแหน่งในการวาง คำเฉพาะเจาะจงที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ในการตัดสินใจ หากเลือกใช้อย่างรอบคอบรับรองว่า Conversion Rate พุ่งกระฉูดแน่นอน
3. ความเร็วของหน้าเว็บไซต์ก็สำคัญ
หนึ่งในตัวการสำคัญที่คอยฉุดรั้งค่า Conversion Rate ไว้มากที่สุดคือมี Loading Time ที่ช้าบนหน้าเว็บไซต์ ผลการวิจัยจำนวนมากระบุว่า 79% ของผู้ใช้งานจะเลิกใช้งานทันทีที่พบว่าเว็บไซต์มีประสิทธิภาพในการโหลดหน้าเว็บไซต์ที่ต่ำ แน่นอนว่าไม่เพียงแค่เฉพาะหน้า Landing Page เท่านั้นแต่การปรับปรุงความเร็วในการโหลดสามารถใช้ได้กับทุกหน้าบนเว็บไซต์เพื่อให้แน่ใจว่าอารมณ์ของผู้ที่เข้ามารับชมจะไม่ถูกขัดด้วยการที่หน้าเว็บโหลดช้าจนทำให้ผู้ใช้งานออกจากเว็บไซต์นั้นไป
ข้อแนะนำคืออย่างน้อยที่สุดหากไม่มีความรู้ในการปรับปรุงงานหลังบ้านของเว็บไซต์มากนัก อาจหาเครื่องมือที่ช่วยวัด Page Speed เพื่อตรวจสอบความเร็วในการโหลดเว็บไซต์หรืออาจปรับปรุงหน้าเว็บไซต์เบื้องต้น เช่น อาจหลีกเลี่ยงไฟล์รูปภาพขนาดใหญ่ที่อาจเป็นผลให้หน้าเว็บโหลดช้า อย่างไรก็ตามทางที่ดีที่สุดคือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจะเป็นทางที่ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพหน้าเว็บ Landing Page ได้ดีที่สุด
4. เลือกใช้ Contact Form ให้ง่ายที่สุด
สำหรับเว็บไซต์ประเภท E-Commerce การมี Contact Form เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ แต่แน่นอนว่าไม่มีใครอยากใช้เวลานานในการกรอกข้อมูลบน Contact Form มีการศึกษาจากกูเกิลเกี่ยวกับโครงสร้างและรูปแบบ Contact Form ในการสมัครสมาชิกบนหน้า Landing Page ของเว็บไซต์ พบว่าความซับซ้อนของ Contact Form มีผลกระทบอย่างมากต่อการที่ผู้ใช้งานจะเลือกกรอกข้อมูล ดังนี้
- หาก Contact Form มีข้อกำหนดใดๆ ก็ตามในการกรอกข้อมูล “ควรระบุไว้ให้ผู้ใช้งานเห็นอย่างชัดเจน” เช่น หากการกรอกรหัสผ่านต้องมีอักขระพิเศษอย่างน้อย 1 ตัว ก็อย่าลืมที่จะใส่กำกับไว้ให้ผู้ใช้งานเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นต้น
- ควรมีการระบุว่าช่องไหนบังคับกรอกข้อมูลและช่องไหนที่ไม่บังคับ (Mandatory และ Optional)
- ป้ายกำกับต้องแสดงให้ชัดเจนอยู่เหนือช่องที่ให้กรอกข้อมูล
หากเลือกใช้ Contact Form บนหน้า Landing Page ที่เข้าใจง่ายและลดความซับซ้อนลง ก็จะช่วยให้เว็บไซต์สร้างค่า Conversion Rates ได้ง่ายขึ้นแน่นอน
5. คอยตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
นักการตลาดหลายรายชอบมีพฤติกรรมที่เรียกว่า “ทำแล้ว ลืมแล้ว (Set and Forget)” โดยเฉพาะในเรื่องของการทำหน้า Landing Page บนเว็บไซต์ ข้อสำคัญคือการปรับปรุงหน้า Landing Page ให้ตอบโจทย์กับประสบการณ์ของผู้ใช้งานจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการติดตามข้อมูลสถิติหลังบ้านต่างๆ ว่าผลลัพธ์ในตอนนี้เป็นอย่างไรเพื่อดูว่าสิ่งที่ปรับปรุงไปก่อนหน้านี้ใช้ได้ผลหรือไม่
ท้ายที่สุดโปรดจำไว้ว่าประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (UX) แปรผันตรงตามอัตรา Conversion Rates หากสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานได้แน่นอนว่าผลลัพธ์ของ Conversion Rates ที่ได้ก็จะสูงขึ้นตามด้วย ซึ่งหมายความว่าธุรกิจโดยรวมก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น หากต้องการปรับปรุง Conversion Rates ของเว็บไซต์ให้ดีขึ้นก็อย่าลืมนำเคล็ดลับด้านบนไปลองปรับใช้กันดู
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com