หลายคนคงรู้ว่า Google เป็น Search Engine ที่มีประโยชน์มากสำหรับการค้นหาข้อมูลออนไลน์ต่างๆ แต่หากคุณเป็นนักการตลาดหรือแบรนด์ในบางครั้งก็อาจไม่อยากให้ข้อมูลบางประเภทปรากฏในหน้า SERPs เพราะหากข้อมูลหรือเนื้อหานั้นขาดการอัปเดตหรือเป็นข้อมูลที่ผิดพลาดจะสร้างปัญหาที่ใหญ่เกินจะแก้ไขมาให้ในภายหลังได้
อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่จะลบเนื้อหาเหล่านั้นออกจากหน้า Google Search ได้อย่างสะอาดหมดจด แต่อย่างน้อยถ้าข้อมูลหรือหน้าเว็บไม่เป็นที่ต้องการแล้วก็ต้องพยายามลบเท่าที่จะทำได้ หรือไม่ก็ทำให้อัลกอริทึมของกูเกิลมองเห็นคอนเทนต์เหล่านั้นให้น้อยลง ในบทความนี้จะมาแนะนำ 4 วิธี เพื่อช่วยเหลือนักการตลาดหรือแบรนด์ที่ต้องการลบข้อมูลออกจากหน้า Google Search กัน
วิธีที่ 1 ลบข้อมูลจากเนื้อหาที่เราเป็นคนสร้างเอง
เริ่มจากอะไรที่สามารถทำตามได้ง่ายที่สุด แน่นอนว่าสำหรับประเภทของข้อมูลที่สามารถลบเพื่อไม่ให้ปรากฏบนหน้า Google Search ได้ทันทีก็คือเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นมาเอง ไม่ว่าจะอยู่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ บล็อก หรืออื่นๆ โดยมีวิธีดังนี้
ลบหน้าเว็บที่ไม่ต้องการ สำหรับในขั้นตอนนี้อาจแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับระบบของ CMS (Content Management System) ที่ใช้ ในบทความนี้ขอยกตัวอย่าง WordPress เนื่องจากเป็นเครื่องมือยอดนิยมของคนทำเว็บไซต์ในปัจจุบัน
- ล็อกอินไปที่หน้า Dashboard ของ WordPress
- เลือกหน้าเว็บหรือบล็อกที่ต้องการลบ
- เลือก Trash
โดยหน้าเว็บที่ถูกลบจะถูกเก็บไว้ในโฟลเดอร์ Trash และยังสามารถกู้คืนได้ในขั้นตอนนี้ แต่หากไม่ต้องการกู้คืนก็สามารถลบออกจากโฟลเดอร์ Trash อย่างถาวรได้
บล็อกหรือลบ URL สำหรับ Google Search การลบหน้าเว็บยังไม่เพียงพอ เนื่องจาก Google ได้ทำรายการ Index ในหน้าเว็บเอาไว้แล้วทำให้หน้าเพจที่ถูกลบออกไปอาจมีลิงก์ URL ที่เชื่อมโยงกับหน้าอื่นๆ ในเว็บไซต์อยู่ สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหาในขั้นตอนนี้ แนะนำให้ใช้เครื่องมืออย่าง Google Search Console ในการลบหรือบล็อก URL ที่ไม่ต้องการ โดยเริ่มจาก
- ไปที่ Google Search Console
- คลิกที่ Temporary Removals
- เลือก New Request
- เลือก Temporarily Remove URL
- คลิก Next เป็นอันเสร็จสิ้น
วิธีที่ 2 ติดต่อ Site Owner หรือ Web Master
แน่นอนว่าหากเนื้อหาหรือข้อมูลที่ไม่ต้องการไปปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์ของคนอื่น การติดต่อเจ้าของบ้านให้ลบออกก็เป็นเรื่องคุ้มค่าที่จะลองทำ ข้อแนะนำคือให้แสดงความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยผ่านโทรศัพท์ อีเมล หรือข้อความส่วนตัว
วิธีที่ 3 เนื้อหาละเมิดข้อกำหนด Google จะลบให้ทันที
มีบางกรณีที่สามารถนำเนื้อหาออกจาก Google Search ได้โดยตรง โดยที่ไม่จำเป็นต้องติดต่อ Site Owner ให้เป็นเรื่องวุ่นวาย ดังนี้
ตรวจสอบว่าเนื้อหาว่าตรงข้อกำหนดของกูเกิลหรือไม่ หากเนื้อหาที่ต้องการลบตรงกับข้อกำหนดก็จะทำให้กูเกิลลบเนื้อหาหรือทำ De-Index (ดีอินเด็กซ์) โดยข้อกำหนดต่างๆ มีดังนี้
- เนื้อหาที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้ง
- เนื้อหาที่เป็นการโจรกรรมข้อมูล
- เนื้อหาที่เป็นประเด็นทางกฎหมาย
- การละเมิดสิทธิทางปัญญา
จากนั้น ให้ไปที่หน้า Support Page เลือกข้อกำหนดที่ตรงตามคอนเทนต์ที่ต้องการลบ กดส่ง Removal Request เป็นอันเสร็จสิ้น
วิธีที่ 4 อย่าลืมตรวจสอบว่าลบสำเร็จแล้วหรือไม่
หากทดลองใช้วิธีต่างๆ ด้านบนแล้ว อย่าลืมลองทดสอบด้วยการลองใช้ URL ที่ถูกลบไปแล้วบน Search Engine เพื่อตรวจสอบว่าเนื้อหาที่ไม่ต้องการยังคงปรากฏบนหน้า SERPs หรือไม่ หรืออาจต้องรอให้อัลกอริทึมของกูเกิลรวบรวมข้อมูลของหน้าเว็บใหม่ก่อน สุดท้ายต้องเข้าใจว่าการลบเนื้อหาที่ไม่ต้องการเป็นเรื่องยากที่จะลบเนื้อหาออกจากหน้า SERPs ทั้งหมด ดังนั้นกระบวนการลบหน้าที่ไม่ต้องการนี้อาจใช้เวลาสองสามเดือนหรือสองสามปีจนกว่าเนื้อหาที่ไม่ต้องการจะถูกกูเกิลลดการมองเห็นลงในที่สุด
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com