นับจากปี 2022 เป็นต้นไป โลกกำลังหมุนเข้าสู่ยุคดิจิทัลแบบเต็มรูปแบบ การสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญกับผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมใดๆ ก็ตาม ดังนั้นการมีธุรกิจร้านอาหารเป็นของตัวเองในสมัยปัจจุบันไม่สามารถใช้วิธีการขายของแบบปากต่อปากได้อีกต่อไป แม้ว่าดีไซน์การตกแต่งและรสชาติอาหารของร้านจะมีความจัดจ้านและน่าดึงดูดมากแค่ไหนก็ตาม เพราะการแข่งขันในตลาดออนไลน์ตอนนี้มีความเข้มข้นที่สูง เพียงแค่ปัดหน้าจอสมาร์ทโฟนตัวเลือกนับพันก็สามารถโผล่ขึ้นมาให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกได้ทันที
เพราะฉะนั้นหากต้องการให้ร้านอาหารมีความโดดเด่นท่ามกลางตัวเลือกนับพันบนโลกออนไลน์ การทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพถือเป็นตัวเลือกอันดับแรกที่คุ้มค่าจะลองเสี่ยง เพราะการทำ SEO ไม่เพียงแต่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์แต่เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ให้กับธุรกิจร้านอาหารได้ สำหรับบทความนี้มี 4 เช็กลิสต์สำหรับการทำ Off-Page SEO ให้กับธุรกิจร้านอาหาร จะมีข้อไหนที่สามารถนำไปปรับใช้ได้บ้าง มาดูไปพร้อมกันเลย
1. รู้จักใช้ Google Business Profile
Google Business Profile หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อเดิมว่า Google My Business เป็นหนึ่งในเครื่องมือพื้นฐานที่เหมาะสำหรับทุกลุ่มธุรกิจที่กำลังเริ่มต้น เพราะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้กูเกิลทราบถึงการมีอยู่ของธุรกิจบนโลกออนไลน์ เพียงแค่กรอกข้อมูลธุรกิจลงไป ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ตั้งของร้าน เวลาเปิด-ปิด ข้อมูลผู้ติดต่อ รูปภาพบรรยากาศต่างๆ ของร้าน และอื่นๆ ยิ่งมีข้อมูลที่เยอะและชัดเจนมากเท่าไหร่โอกาสที่ผู้บริโภคทั่วไปจะเห็นหรือสนใจก็มากขึ้นเท่านั้น หากใครยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มกรอกข้อมูลบน Google Business Profile อย่างไรให้มีประสิทธิภาพที่สุด ลองอ่านบทความการแนะนำการกรอกข้อมูลเบื้องต้นได้ที่นี่
2. ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียให้เป็น
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญของการทำ Off-Page SEO สำหรับธุรกิจร้านอาหาร ถึงแม้กูเกิลจะไม่ได้นับให้เป็นปัจจัยหลักในการนำไปจัดอันดับเว็บไซต์โดยตรง แต่ก็ยังมีผลทางอ้อมไม่มากก็น้อย เพราะแน่นอนว่าการมีโปรไฟล์หน้าร้านบนโซเชียลมีเดียหรือบนแพลตฟอร์มต่างๆ จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้คนทั่วไปทำความรู้จักกับร้านได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามการสร้างแอคเคาท์หน้าร้านเฉยๆ อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ หากไม่มีความกระตือรือร้นในการสร้างคอนเทนต์เพื่อโต้ตอบหรือสร้างบทสนทนากับผู้คนได้ไม่มากพอก็จะกลายเป็นการลดโอกาสการโน้มน้าวผู้คนให้เข้ามาเป็นลูกค้าไปอย่างน่าเสียดาย
โดยแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแต่ละช่องทางก็มีจุดเด่นที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไป อย่างเช่น Facebook ก็เหมาะที่จะเป็นแพลตฟอร์มหลักเอาไว้ให้ผู้บริโภคติดต่อสอบถามข้อมูลต่างๆ เนื่องจากมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก, Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะแก่การแชร์รูปเมนูอาหารที่เป็นซิกเนเจอร์ประจำร้านหรือมุมยอดฮิตของร้านที่มีดีไซน์สุดแสนจะ Niche, ส่วน Twitter ก็เหมาะที่จะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการคลายความกังวลหรือข้อสงสัยต่างๆ ของลูกค้าและยังมี TikTok ที่จะช่วยเชื่อมต่อธุรกิจกับผู้บริโภคเจนใหม่ได้ดีมากขึ้น
3. ใช้ Food Bloggers หรือ Influencer
ไม่ต้องมีงานวิจัยที่ไหนมายืนยัน หลายคนก็คงรู้กันดีว่าการใช้บล็อกเกอร์หรืออินฟลูเอนเซอร์คนดังที่มียอดฟอลโลเวอร์สูงๆ เป็นที่นิยมสำหรับการโปรโมตธุรกิจร้านอาหาร ไม่ว่าจะต้องการขยายฐานลูกค้า ช่วยเพิ่มยอดขาย เพราะการใช้อินฟลูเอนเซอร์จะทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกว่าไม่ถูกยัดเยียดการขายจนเกินไป และแน่นอนว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเว็บไซต์ของผู้คนทั่วไปได้มากขึ้น
4. อย่าลืมอัปเดตข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
ข้อมูลพื้นฐานทางธุรกิจอย่างเช่น ชื่อร้าน ที่อยู่ ช่องทางการติดต่อ อัลกอริทึมของ Search Engine ชื่นชอบข้อมูลเหล่านี้เป็นพิเศษ พูดง่ายๆ คือเพื่อให้ข้อมูลของร้านอาหารแสดงบนหน้า SERPs อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ หรือบนเว็บไซต์ใดก็ตามต้องไม่มีการตกหล่น ไม่อย่างนั้นอาจสร้างความรู้สึกสับสนต่อทั้งผู้บริโภคและอัลกอริทึมของ Search Engine ด้วย
ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยอินเทอร์เน็ต สำหรับร้านอาหารนั้นไม่ว่าจะเรื่องของรสชาติอาหาร หรือดีไซน์การตกแต่งภายในร้านล้วนเป็นเพียงองค์ประกอบเล็กๆ ของร้านอาหารที่ดีเท่านั้น หากร้านไม่สามารถสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ได้ ต่อให้รสชาติอาหารจะอร่อยดุจร้านมิชลินสตาร์ 3 ดาว แต่ไม่มีกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ดีพอทุกอย่างที่ทำมาอาจกลายเป็นเรื่องสูญเปล่าทันที ในการทำ SEO นอกเหนือจากการปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ให้ดีแล้ว การทำ Off-Page SEO ก็เป็นเรื่องที่ห้ามพลาด ลองเช็กจาก 4 ข้อด้านบนแล้วดูว่ามีข้อไหนที่สามารถนำไปปรับใช้ได้บ้าง
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com