ถ้าจะพูดถึงการซื้อโฆษณาแบบ PPC (Pay-Per-Click) บน Google Ads หรือ Microsoft Advertising หลายคนที่มีประสบการณ์มาก่อนคงคุ้นเคยกับการตั้งค่า Ad Extension ซึ่งเป็นเหมือนตัวช่วยในการขยายใจความสำคัญของโฆษณาให้มีความละเอียดมากขึ้น เพื่อที่จะแสดงให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจสาระสำคัญของแคมเปญโฆษณานั้นได้ แถมยังช่วยเพิ่มความน่าสนใจ ความน่าดึงดูด และทำให้ดูโดดเด่นกว่าโฆษณาอื่นๆ ที่ไม่ได้ตั้งค่าเอาไว้อีกต่างหาก
แน่นอนว่า Ad Extension หรือ “ส่วนขยายของโฆษณา” ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างหลากหลายจุดประสงค์ แต่สิ่งสำคัญหรือจุดประสงค์หลักนั่นคือการปรับปรุงประสิทธิภาพของโฆษณาโดยรวมให้ดูน่าสนใจขึ้น แท้จริงแล้วรูปแบบของ Ad Extension มีมากถึงหลายสิบกว่าประเภทให้เลือกใช้ แต่ในบทความนี้จะมาแนะนำ 4 Ad Extension ที่ต้องบอกว่าใครยังไม่ได้ใช้ถือว่าพลาดมาก
1. Image Extension
ต้องบอกว่า Image Extension นี้เป็นอะไรที่ใหม่มากๆ เนื่องจากกูเกิลเพิ่งจะมีการปล่อยออกมาให้ใช้งานในช่วงงาน Google Marketing Live ในปี 2021 ที่ผ่านมานี้เอง สำหรับส่วนขยายโฆษณาแรกที่ในบทความนี้เลือกมาแนะนำนี้ เรียกว่า Image Extension หรือก็คือส่วนขยายโฆษณาโดยใช้รูปภาพเข้ามาเป็นตัวช่วย ซึ่งเป็นส่วนขยายโฆษณาที่นักการตลาดทั่วโลกนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในตอนนี้ เพราะส่วนขยายโฆษณาแบบรูปภาพนี้จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจหรือสร้างแรงดึงดูดให้ผู้ที่สนใจสินค้าหรือบริการเพิ่มมากขึ้น
โดย Image Extension จะแสดงผลได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและอุปกรณ์มือถือ แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่ารูปภาพนี้ไม่ใช่ Banner Ads แต่อย่างใด ฉะนั้นจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ก่อนจะเริ่มต้นใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น
- ข้อกำหนดที่ว่าบัญชีผู้ใช้งานจะต้องมีประวัติการใช้งานที่ดีตามที่กูเกิลกำหนด
- เนื้อหาจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับสื่อสำหรับผู้ใหญ่ แอลกอฮอล์ และการพนัน
- บัญชีจะต้องเปิดใช้งานมาไม่น้อยกว่า 90 วัน
- จะต้องมี Search Campaigns ที่รันอยู่ 28 วันก่อนหน้าที่จะเริ่มใช้งาน
- และอื่นๆ อีก(สามารถอ่านข้อกำหนดเพิ่มเติมได้ที่นี่)
สำหรับการตั้งค่าการใช้งานอย่างแรกเลย คือบัญชีผู้ใช้งานจะต้องผ่านข้อกำหนดต่างๆ ด้านบน จากนั้นก็แค่เข้าไปที่หน้าฟังก์ชัน Ads & Extensions ให้คลิกเลือก Image Extension (หากบัญชีผู้ใช้งานไม่ผ่านข้อกำหนด จะไม่เห็นฟังก์ชันนี้) นอกจากนี้ในการใช้งานจริงหากนักการตลาดท่านใดที่ไม่มีรูป Stock ไว้ในการใช้งานก็สามารถใช้ฟังก์ชัน Dynamic Image Extension ที่จะเป็นการให้ระบบเข้ามาเก็บข้อมูลรูปภาพในหน้า Landing Page ของเว็บไซต์เพื่อนำไปใช้งานได้อีกด้วย
2. Structured Snippets
สำหรับส่วนขยายโฆษณา Structued Snippets เป็นสิ่งที่ทั้งนักการตลาดและคนทั่วไปน่าจะคุ้นชินกันดีอยู่แล้ว เพราะเป็นหนึ่งในส่วนขยายโฆษณาที่เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ พูดง่ายๆ ว่า ใครที่กำลังค้นหาสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่างอยู่ แล้วมาเจอโฆษณาที่ใช้ส่วนขยายนี้ก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าเว็บไซต์นี้ขายสินค้าหรือให้บริการเกี่ยวกับอะไร เสมือนกับเป็นการพรีวิวข้อมูลของเว็บไซต์นั่นเอง
ส่วนขยาย Structured Snippets นี้ก็จะมี Heading ให้เลือกใช้หลายรายการ เช่น
- Amenities
- Brands
- Destinations
- Degree Programs
- Courses
- Featured Hotels
- Insurance Coverage
- Neighborhoods
- Service Catalogs
- Models
- Show
- Styles
- Types
การใช้งานก็มีหัวข้อต่างๆ ก็มีให้เลือกใช้งานตามสินค้าหรือบริการของธุรกิจ อย่างไรก็ตามการใส่ข้อมูลลงไปใน Structured Snippet จำเป็นจะต้องตรงกับหัวข้อหลัก ไม่เช่นนั้นระบบจะไม่ Approval ให้กับการใช้ Ad Extension และควรใส่ข้อมูลอย่างน้อย 3 อย่างขึ้นไปต่อ 1 หัวข้อ
3. Price Extensions
สำหรับส่วนขยายโฆษณาในรูปแบบที่ 3 นี้จะเป็นการขยายส่วนของการแสดงราคาสินค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ ส่วนมากจะเหมาะกับเว็บไซต์ประเภท E-Commerce ที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากการแสดงรายการสินค้าพร้อมราคาได้อย่างเต็มที่
สำหรับการแสดงผลก็จะเหมือนกับ Ad Extension อื่นๆ จะแสดงบริเวณด้านล่างของข้อความโฆษณาหลัก สามารถเพิ่มรายการสินค้าได้มากสุดถึง 8 รายการ
ในส่วนขยายโฆษณาแบบ Price Extension จะมีประเภทต่างๆ ให้เลือกใช้งานได้ ดังนี้
- Brands
- Events
- Locations
- Neighborhoods
- Product Categories
- Product Tiers
- Service Categories
- Service Tiers
- Services
นอกจากนี้ สำหรับเว็บไซต์ที่มีสินค้าหรือบริการที่ไม่สามารถระบุราคาได้อย่างตรงไปตรงมา ก็ยังสามารถกำหนดราคาโดยใช้ฟังก์ชัน “From”, “Up To”, “Average” แต่บอกไว้ก่อนในตอนนี้สำหรับประเทศไทยส่วนขยายโฆษณาแบบ Price Extensions ยังไม่มีสกุลเงินบาทให้ใช้ อาจจะต้องรออัปเดตจากทางกูเกิลต่อไปในอนาคต
4. Call Extensions
ส่วนขยายโฆษณารูปแบบสุดท้ายที่จะแนะนำนี้เรียกว่า Call Extensions หรือเป็นส่วนขยายโฆษณาการโทรที่จะเป็นการแสดงหมายเลขโทรศัพท์ให้กับผู้คนทั่วไป ถือว่ามีประโยชน์สำหรับกลุ่มธุรกิจหรือเว็บไซต์ที่ต้องการให้ลูกค้าติดต่อเข้ามาผ่านโทรศัพท์โดยตรง อย่างที่รู้กันดีว่าเบอร์โทรศัพท์เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การตลาดในปัจจุบันนี้มากเพียงใด เนื่องจากมือถือกลายเป็นปัจจัยหลักสำหรับการค้นหาข้อมูลต่างๆ ของคนจำนวนมาก ลองคิดภาพตามว่าหากคุณกำลังต้องการจองโรงแรมเพื่อพักผ่อนจากการทำงานที่แสนอ่อนล้า เพียงแค่ค้นหาชื่อโรงแรมและสามารถกดโทรเพื่อติดต่อได้ทันทีเป็นเรื่องที่สะดวกสบายมากขนาดไหน
สำหรับข้อควรระวังในการใช้งานคืออย่าลืมตั้งเวลาการโชว์ส่วนขยายเบอร์โทรนี้เอาไว้เสมอ ไม่อย่างนั้นอาจมีคนโทรมาจนทำให้สายไหม้ตลอด 24 ชั่วโมงแน่นอน และเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้จะต้องมีอยู่ในหน้าเว็บไซต์ด้วยไม่อย่างนั้นระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้งาน
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการขอโงเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com